GINO McCRAY (จีโน่ แม็คเครย์) แบรนด์เมคอัพชั้นนำที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามจากประเทศอิตาลี ภายใต้การบริหารธุรกิจของ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) จัดงาน “LOOKS at ME by GINO McCRAY” เปิดตัวช็อปรูปแบบใหม่ขยายช่องทางธุรกิจ แห่งแรก ณ EVEANDBOY สาขา เมกาบางนา พร้อมแนะนำ “บัว – นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ” ในฐานะ Brand Ambassador คนแรกอย่างเป็นทางการของ GINO McCRAY เพื่อเป็นตัวแทนไลฟ์สไตล์ของสาวเอเชียยุคใหม่ที่สามารถสนุกไปกับสีสันและเป็นตัวเองได้อย่างหลากหลาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงได้ทุกเจเนอเรชั่น อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องรวม 18 สาขา ณ ร้าน EVEANDBOY และร้าน BEAUTY BUFFET ทั้ง 50 สาขาภายในสิ้นปี 2565 นี้
ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) เผยว่า GINO McCRAY เป็นแบรนด์เมคอัพชั้นนำที่มีลักษณะเด่นด้วยการวางรูปแบบสีสันเอกลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ให้ดูเรียบง่าย มีความหรูหราและยังคงความเป็นมืออาชีพ คล้ายกับสถาปัตยกรรมและดีไซน์ต่างๆ ของอิตาลีที่มีความประณีต สวยงาม ไม่ซับซ้อน โดย Passion ของแบรนด์เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง ดังนั้นเครื่องสำอางของ GINO McCRAY จึงออกแบบมาเพื่อให้ผู้หญิง ทุกคนสามารถโดดเด่นได้ในทุกลุคส์ หรือทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ “LOOKS at ME” โดยคำว่า Looks นั้น เป็นความตั้งใจที่ต้องการสื่อถึงรูปลักษณ์ที่หลากหลาย สวยได้ในทุกรูปแบบของตัวเอง ในทุกลุคส์ ทุกสไตล์อีกด้วย
โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา GINO McCRAY ได้ยึดมั่นในหัวใจหลักของแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภค มุ่งสู่ความคุ้มค่ามากที่สุด ด้วยการดำเนินกลยุทธ์ Brand Positioning ให้เป็นเมคอัพชิ้นพิเศษ ที่มีความแตกต่างจาก Global Brand ทั้งฝั่งของ Luxury Brand ที่มีราคาสูง และฝั่งของ Massive Brand ที่มีราคาจับต้องได้และหาซื้อได้ง่าย ด้วยการวาง Price Positioning ให้อยู่ระดับกลางแต่โดดเด่นด้วยคุณภาพชั้นนำ (High Quality) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากที่สุด จึงทำให้กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคหลักของแบรนด์เป็นทั้ง ผู้บริโภคทั่วไปและผู้บริโภคที่มีความเป็นมืออาชีพทั้งในด้านความงามและการแต่งหน้า สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของ GINO McCRAY เพื่อครีเอทลุคของตนเองได้ทุกวันและหลากหลายสไตล์ อาทิ การแต่งหน้าในวันธรรมดากับลุคไปทำงานหรือทำกิจกรรมแบบมืออาชีพ หรือลุคหวานใส สบายๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนลุคให้เฉี่ยว เก๋ สำหรับแฮงค์เอาท์ หรือไปเที่ยวในลุคต่างๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนสามารถรังสรรค์ลุคและสนุกไปกับการแต่งหน้าได้อย่างมืออาชีพ ดั่งชื่อแบรนด์ ‘GINO McCRAY The Professional Make Up’
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ GINO McCRAY ในรูปแบบ Shop in Shop แห่งแรกที่ EVEANDBOY สาขา เมกาบางนา ทางแบรนด์ได้มีการวางกลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ Business Partner โดยคาดหวังการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายช่องทางการขายสู่ตลาดมวลชน เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อหาได้ง่ายมากขึ้น จึงเริ่มต้นกับพันธมิตรร้านค้าอย่าง EVEANDBOY บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดและมีตลาดที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังเป็น Beauty Destination ของผู้บริโภคยุคใหม่ ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ โดยการดีไซน์ของร้าน GINO McCRAY ที่ EVEANDBOY ได้ตกแต่งบรรยากาศในโทนสีขาว เทา ดำ เพื่อให้รับกับแพคเกจจิ้งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีโทนสีดำ สื่อถึงความหรูหรา ทันสมัย มีความเป็นมืออาชีพ แต่ยังคงความเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล พร้อมคำนึงถึงการจัดวางผลิตภัณฑ์ตามฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อให้อำนวยต่อการเลือกและทดลองผลิตภัณฑ์ โดยภายในปี 2565 นี้ ทางแบรนด์ตั้งเป้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพิ่มอีกทั้ง 17 สาขาของร้านอีฟแอนด์บอย และร้านบิวตี้ บุฟเฟต์ ทั้ง 50 สาขาอีกด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2565 นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของแบรนด์ GINO McCRAY ที่ได้รับเกียรติจาก “บัว – นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ” นักแสดงสาวชื่อดัง ร่วมทำหน้าที่เป็น Brand Ambassador คนแรกและครั้งแรกของแบรนด์ให้กับ 3 ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ประกอบด้วย GINO McCRAY The Professional Make Up Powder Foundation SPF15 PA++, GINO McCRAY The Professional Make Up Color Lipstick, และ GINO McCRAY The Professional Make Up Triangular Brow Pencil นับเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยเสริมการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกเจเนอเรชั่น ด้วยคาแรคเตอร์ที่ลงตัวของคุณบัว ที่มีภาพลักษณ์สาวหวาน สดใส แต่สามารถปรับเปลี่ยนลุคส์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจนด้วยผลิตภัณฑ์ของ GINO McCRAY สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ LOOKS at ME
นอกจากนี้ ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “GINO McCRAY มีแผนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และอินโดนีเซีย ในรูปแบบของการขาย Product Distribution เพื่อมุ่งเน้นกระจายผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ราคาจับต้องได้ เข้าสู่พื้นที่ต่างๆ ของแต่ละประเทศ และเสริมสร้างชื่อเสียง รวมถึงความประทับใจในแบรนด์ควบคู่กับผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคในวงกว้างร่วมกับตัวแทนจำหน่ายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต”