ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเศรษฐกิจโลกในปี 2023 ซึ่งเป็นอีกปีที่พบกับความยากลำบาก โดยเธอมองว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะพบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนเองก็อาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์ CBS ในรายการ Face the Nation โดยกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2023 ว่ามีความยากลำบาก ขณะเดียวกันแม้ว่าประเทศจีนจะมีมาตรการผ่อนคลายเกี่ยวกับโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่เธอมองว่าการแพร่ระบาดในประเทศจีนจะกลับส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
เธอได้ชี้ถึงเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาแม้ว่าจะหลีกเลี่ยงสภาวะดังกล่าวได้ แต่ในปีนี้ 1 ใน 3 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะพบกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย
แม้ว่าหลายประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ เธอได้กล่าวว่าประชาชนเหล่านี้ก็จะรู้สึกถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เช่นกัน
ทางด้านของเศรษฐกิจจีนนั้น เธอได้กล่าวว่าอาจเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่เศรษฐกิจจีนนั้นโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และเธอยังชี้ว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเติบโตของจีนนั้นผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากกว่า 30% ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจจีนไม่เติบโตในช่วงที่ผ่านมาคือนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ซึ่งสร้างผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน แม้ว่าล่าสุดจีนจะออกมาตรการผ่อนคลาย รวมถึงให้ชาวจีนออกนอกประเทศได้แล้วก็ตาม เพื่อทำให้เศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกกลับมาเติบโตตามปกติอีกครั้ง
ผู้อำนวยการของ IMF ยังกล่าวถึงการพบกับผู้นำประเทศในเอเชียหลายประเทศ ซึ่งคำถามที่ผู้นำเหล่านี้เริ่มต้นถามเธอก็คือ “เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจจีน” หรือไม่ก็เป็นคำถามที่ว่า “จีนจะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับไปเติบโตในระดับสูงเท่ากับในอดีตได้หรือไม่” แสดงให้เห็นความกังวลถึงสภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีความเปราะบางมากขึ้น
เธอยังมองว่า 2-3 เดือนหลังจากนี้ เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะถดถอยจากการแพร่ระบาดโควิดได้ และจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลก
IMF คาดว่า GDP โลกจะเติบโตได้ 2.7% เท่านั้นในปี 2022 จากคาดการณ์เดิมอยู่ที่ 3.2% นอกจากนี้คาดการณ์ล่าสุดนั้นในปี 2023 ยังมองว่ามีโอกาส 1 ใน 4 ที่เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่ำกว่า 2% ด้วย