คนงานใน ‘สหราชอาณาจักร’ กว่า 1.5 แสนคน ประท้วง ‘หยุดงาน’ เพื่อขอขึ้นค่าแรง หลังเจอวิกฤตเงินเฟ้อ

พนักงานในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่พนักงานรถไฟ นักข่าว ทนายความ และพนักงานไปรษณีย์ หยุดงานประท้วงในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เพื่อเรียกร้องค่าแรงที่สูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

คนงานอย่างน้อย 155,000 คนกำลังประท้วงหยุดงาน ตั้งแต่พนักงานไปรษณีย์ของประเทศ วิศวกร พนักงานคอลเซ็นเตอร์ และพนักงานรถไฟ นัดหยุดงาน และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า มีแนวโน้มว่ากลุ่มอาชีพอื่น ๆ อาทิ ครู แพทย์ และพยาบาล เตรียมลงมติหยุดงานประท้วงด้วยเช่นกัน

การประท้วงดังกล่าวถือเป็นการก่อความไม่สงบทางอุตสาหกรรมครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่ปี 1970 ที่ปัญหาอัตราเงินเฟ้อทำให้แรงงานจำนวนมากหยุดงานประท้วง โดยปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรพุ่งสูงขึ้นถึง 10.1% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และคาดว่าพุ่งทะลุ 18% ในช่วงต้นปีหน้า และ Goldman Sachs คาดว่าอาจถึง 22% หากราคาน้ำมันไม่ลดลง

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้สหราชอาณาจักรต้องเจอกับปัญหาเงินเฟ้อ มาจากค่าพลังงานในครัวเรือนที่สูงขึ้นถึง 54% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในเดือนตุลาคมที่จะถึง โดยคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3,549 ปอนด์ต่อปี (ราว 150,000 บาท) ตามการประมาณการโดย Auxilione บริษัทวิจัยแห่งหนึ่ง และจะขึ้นเป็ 7,700 ปอนด์ (ราว 326,000 บาท) ภายในเดือนเมษายนปีหน้า

Chiara Benassi รองศาสตราจารย์ด้านการจ้างงานที่ King’s College London มองว่า การหยุดงานของแรงงานในทุกภาคส่วน เป็นสิ่งที่สหราชอาณาจักรไม่เคยเจอมาก่อน เพราะการประท้วงนี้ไม่ได้มาจากแค่แรงงานที่มีรายได้น้อยที่ต้องสู้กับวิกฤตค่าครองชีพ แต่แพทย์และวิศวกรก็ร่วมประท้วงด้วย

Deepsha Agrawal แพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวกับ CNN Business ว่า เพื่อนร่วมงานของเธอจะร่วมประทิ้งเพื่อผลักดันให้ขึ้นค่าแรงที่มากกว่า 2% ตามที่รัฐบาลเคยตกลงกันไว้ในปี 2019 ขณะที่สหภาพการแพทย์อังกฤษของเธอจะลงคะแนนเสียงให้สมาชิกในเร็ว ๆ นี้ว่าจะนัดหยุดงานหรือไม่

“มันค่อนข้างน่าเศร้า เพราะคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันจะสูงขึ้นมากในปีหน้า และเพื่อนร่วมงานของเธอหลายคนรู้สึกว่าไม่สามารถซื้อบ้านหรือมีลูกได้”

Source