มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง จับมือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโลหิตวิทยาฯ และชมรมผู้ป่วยโรคเอ็มพีเอ็น จัดเสวนาความรู้มะเร็งโรคเลือดชนิดหายาก MPN พร้อมประสานสภากาชาดไทย เปิดรับบริจาคเลือด และสเต็มเซลล์ เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ตกค้างในกระบรวนการรักษา

เนื่องด้วยในเดือนกันยายนของทุกปีถือเป็นเดือนแห่งการรณรงค์การตระหนักรู้โรคมะเร็งทางโลหิตวิทยา หนึ่งในมะเร็งโรคเลือดที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก คือ มะเร็งโรคเลือดเม็ดเลือดชนิดหายาก MPN (Myeloproliferative Neoplasm)  ทางมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง Thai Cancer Society จึงร่วมมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโลหิตวิทยาชมรมโรคเอ็มพีเอ็น แห่งประเทศไทย (Thai MPN Working Group) และชมรมผู้ป่วยโรค MPNประเทศไทย พร้อมศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดงานเสวนาออนไลน์ในหัวข้อเสวนา “มะเร็งโรคเลือดชนิดหายาก MPN ครั้งที่ 2” ในวันเสาร์ 17 กันยายน 2565 เวลา 14.00 – 16.00 น.  ขอเชิญชวนผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงบุคคลทั่วไปเขาร่วมฟัง  เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งโรคเลือดชนิดหายาก MPN พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนไทยร่วมกันบริจาคเลือดเพื่อผู้ป่วยมะเร็งในช่วงภาวะวิกฤติขาดแคลนเลือดในปัจจุบัน เนื่องจากเลือดมีความสำคัญในกระบวนการรักษา

ร.อ. นพ. รัฐพันธ์ ละมูล แผนกโลหิตวิทยา กองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่า โรคมะเร็งเลือดหายากกลุ่มเอ็มพีเอ็นเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูกที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดเลือดมีการกลายพันธุ์และแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่เกิดจากการสร้างเม็ดเลือดที่เพิ่มขึ้น เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน ตับและม้ามโต เป็นต้น โดยโรคที่พบบ่อย ได้แก่ 1. โรคเลือดข้น (PV) คือร่างกายมีการผลิตเซลล์เม็ดเลือดทุกชนิดมากกว่าปกติ แต่ลักษณะเฉพาะคือมีเม็ดเลือดแดงที่สูงกว่าโรคชนิดอื่น 2. โรคเกล็ดเลือดสูง (ET) ร่างกายมีการผลิตเกล็ดเลือดมากกว่าปกติ 3. โรคพังผืดในไขกระดูก (MF) มีการสร้างพังผืดในไขกระดูก ซึ่งส่งผลให้ไขกระดูกไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้ตามปกติ ซึ่งกลุ่มโรค MPN นี้พบมากขึ้นในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยจากการศึกษาในทวีปยุโรปพบว่า อัตราการเกิดโรคในผู้สูงอายุเหล่านี้เฉลี่ยอยู่ที่ 9.53  รายต่อประชากรหนึ่งแสนคนต่อปี และในปัจจุบันยังไม่มีการเก็บข้อมูลอุบัติการณ์การเกิดโรค MPN ในประเทศไทย

อ. พญ. ลัลธริมา ภู่พัฒน์ หน่วยโลหิตวิทยา สาขาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเสริมว่า โรคมะเร็งเลือดหายากกลุ่มเอ็มพีเอ็นถือเป็นหนึ่งในโรคหายากที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก และยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้ โดยอาการที่พบบ่อย คือ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า (Fatigue), ซีดจาง (Anemia), คัน (ltching), เหงื่อออกมากผิดปกติในตอนกลางคืน (Night sweat) และปวดกระดูก (Bone pain) บางรายอาจมีไข้ และน้ำหนักลด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนเรื่องลิ่มเลือดอุดตัน หรือมีภาวะเลือดออกง่าย หรือผู้ป่วยโรคเอ็มพีเอ็นบางรายมีการกลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการแน่นท้องจากม้ามโต (Splenomegaly) ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามการรู้ทันและเริ่มการรักษาตั้งแต่แรกและต่อเนื่อง จะทำให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตอยู่กับโรคได้  และเพื่อทำให้เรารู้จักโรคนี้กันมากขึ้น การเข้าใจอาการของโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อ.ดร.สุภาสเมต ยุนยะสิทธิ์ หนึ่งในสมาชิกชมรมผู้ป่วยโรคเอ็มพีเอ็นประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์ตรงในฐานะผู้ป่วยมะเร็งโรคเลือดชนิดหายาก MPN หลังได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคเลือดข้น (PV) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565เล่าว่า ตนมีอาการเริ่มต้น คือ เวียนศีรษะ บ้านหมุน อาเจียนอย่างหนักวันละ 4-5 ครั้ง อาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตมาก อีกทั้งยังเป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับโรคต่างๆ ได้มากมาย กว่าจะทราบว่าเป็นอาการที่เกิดจากโรคเลือดข้นโดยตรงก็ใช้เวลานาน สมองบางส่วนเริ่มขาดเลือด แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาทันเวลา โรค PV นี้แม้จะเป็นมะเร็งเลือดที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรง สามารถควบคุมอาการและมียารักษาได้ แต่กับผู้ป่วยบางคน ยาก็ส่งผลข้างเคียงกับเม็ดสีผิว ทำให้เป็นรอยปื้นคล้ำหลายแห่งตามร่างกาย เช่น แขน ขา และส่งผลความผิดปกติของรอบประจำเดือนด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญผู้ป่วยรวมถึงญาติผู้ป่วยเองควรรู้จักและเข้าใจการรักษาโรคนี้เพื่ออยู่กับโรคได้ดีขึ้น

มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง (Thai Cancer Society : TCS) เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเผยแพร่ความรู้เรื่องมะเร็งโรคเลือดชนิดหายากเอ็มพีเอ็น จึงได้จัดงานเสวนา “รู้ทันมะเร็งโรคเลือดชนิดหายากเอ็มพีเอ็น ครั้งที่2” ขึ้นใน วันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2565 เวลา 14.00-16.00 น. ทางเพจเฟสบุ๊ค Thai cancer society หรือ ลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ : https://bit.ly/3C1Bp7I

โดยนางสาว ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า ในงานเสวนาออนไลน์ได้เชิญทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลถึงมะเร็งโรคเลือดชนิดหายากเอ็มพีเอ็น รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วย ข้อแนะนำและการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยในช่วงแพร่ระบาดโควิด19 รวมถึงให้ผู้เข้าฟังได้ร่วมพูดคุยกับทีมแพทย์ ถาม-ตอบข้อสงสัยโรคมะเร็งเลือดหายากกลุ่มเอ็มพีเอ็น แบบใกล้ชิด โดยอยากชวนให้ ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด ไปจนถึงญาติผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดและ ประชาชนทั่วไป ได้เข้าฟัง นอกจากนั้นอีกวัตถุประสงค์หลักคืออยากเชิญชวนชวนประชาชนมาบริจาคเลือดและสเต็มเซลล์ ที่ช่วยในการรักษาผู้ป่วยเนื่องจากสถานการณ์การโรคระบาดส่งผลให้มีผู้มาบริจาคโลหิตและสเต็มเซลล์ลดน้อยลง แต่การใช้โลหิตและสเต็มเซลล์ในกระบวนการรักษายังคงมีอย่างต่อเนื่องทุกวันทำให้ผู้ป่วยต้องเลื่อนการผ่าตัด และการรักษาออกไป

สำหรับผู้ที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ป่วยสามารถลงทะเบียนเพื่อถามคำถามคุณหมอ และเข้าใจเกี่ยวกับโรคเพิ่มเติมได้ที่  https://thaicancersociety.com/blood-cancer/  หรือ ติดตามรายละเอียดต่างๆได้ที่ ทาง FB Page : Thai cancer society มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง

อ.พญ.สุนิสา ก้องเกียรติกมล สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงภาวะขาดแคลนเลือดและสเต็มเซลล์ว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือด รวมถึง โรค MPN โดยเฉพาะ อย่างยิ่งโรคพังผืดในไขกระดูก และผู้ป่วยโรคเลือดอื่นๆ จำนวนมาก มีความจำเป็นต้องได้รับเลือดในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะซีด และไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับเลือดจำนวนมากพอในกระบวนการรักษา  ซึ่งในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา มีการบริจาคเลือด แล สเต็มเซลล์ลดน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านที่มีคุณสมบัติสามารถร่วมบริจาคโลหิตและสเต็มเซลล์ สามารถติดต่อบริจาคเลือดได้ที่ศูนย์รับบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

นางสาว พรรณี มิ่งอารีวาณิช หัวหน้างานสื่อสารองค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยกล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนเลือด และสเต็มเซลล์ว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดหาอาสาสมัครบริจาคเซลล์  ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ที่ไม่ใช่ญาติให้กับผู้ป่วย และยังมีผู้ป่วยที่รอรับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดโลหิตอีก 2,615 ราย อาทิ ผู้ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย   โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

“การบริจาคโลหิต 1 ถุง โลหิตจะถูกนำไปปั่นแยกเป็นส่วนประกอบโลหิต 3 ส่วน 1. เม็ดเลือดแดง นำไปรักษาผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไขกระดูกฝ่อ ผู้ป่วยที่สูญเสียเลือดจากการผ่าตัดหัวใจ  2. เกล็ดเลือด นำไปรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โรคไข้เลือดออก มะเร็งเม็ดเลือดขาว 3. พลาสมา นำไปรักษาผู้ที่มีอาการช็อคจากการขาดน้ำ ผลิตเซรุ่มป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี และเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อปั่นแยกแล้วจะนำโลหิตไปใช้รักษาผู้ป่วยได้ตรงตามอาการฉะนั้นการบริจาคโลหิตแต่ละครั้งจึงสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 3 ชีวิต”

ส่วนการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ จะต้องทำพร้อมกับการบริจาคโลหิต โดยต้องเก็บตัวอย่างเลือดเพิ่ม 1 หลอด ไม่เกิน 3 ซีซี เพื่อนำไปตรวจชนิดของเนื้อเยื่อเอชแอลเอ (HLA) และขึ้นทะเบียนรอการจับคู่ หากการตรวจยืนยันผลเอชแอลเอตรงกับผู้ป่วย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะติดต่อกลับไป พร้อมทำการนัดหมายและเข้าสู่กระบวนการบริจาคสเต็มเซลล์ ฉะนั้นแล้วจึงอยากเชิญชวนผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อม อาทิ สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุ 18 ถึง 50 ปีบริบูรณ์ น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง มาร่วมบริจาคโลหิต พร้อมทั้งทำการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจชนิดเนื้อเยื้อเพื่อบริจาค สเต็มเซลล์ในขั้นตอนต่อไป

ผู้ที่สนใจลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ สามารถลงทะเบียนพร้อมกับการบริจาคโลหิตเพื่อเก็บตัวอย่างโลหิตนำไปตรวจเนื้อเยื่อ HLA โดยขึ้นทะเบียนได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 0 2256 4300