ในความคิดของนิวัตต์ จิตตาลาน เขาบอกว่า ช่วงอายุ 60 ถือเป็นวัยกลางคนที่กำลังใช้สมองได้เต็มที่และยังมีเวลาอีกมาก หลังจากที่เพิ่งผ่านวัย 40 ปี มาได้ไม่นาน
ส่วนวัย 40 นั้นถือว่าอยู่ในช่วงพัฒนาสู่จุดเริ่มต้นของการใช้สมอง สามารถคิดและสร้างในสิ่งที่ตัวเองคิด จากที่ก่อนหน้านั้นอยู่ในช่วง “ฟังอย่างเดียว ทำตามนาย” และที่สำคัญไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดเขาเชื่อว่า
“การจะรู้จักโลกใหม่ต้องเรียนรู้จากคนรุ่นใหม่ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เก่าเกินที่จะตามสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลาได้ทัน และจะทำให้กลายเป็นคนเก่า”
ภายใต้การตามเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นิวัตต์จะรู้สึกชอบคำพูดของ สตีฟ จ็อบส์ ที่ลูกชายคนเดียวเอามาให้ดูอย่างมาก ประโยคดังกล่าวเมื่อแปลเป็นภาษาไทยบอกไว้ว่า
“ต้องแฮปปี้ และต้องมีความหิวโหยที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา”
ขณะที่พฤติกรรมของสตีฟ จ็อบส์ ก็ประทับใจนิวัตต์ด้วย เพราะแม้จะมีคนบอกว่าเขาจะตายในอีกไม่กี่วัน แต่สตีฟ จ็อบส์ ก็ยังคงยืนพูด ทำงาน และไม่หยุดคิด
ในสายตานิวัตต์ สตีฟ จ็อบส์ จึงเป็นบุคคลที่ “เก่งมากๆ”
หากย้อนมาดูชีวิตในช่วง 1 วัน นิวัตต์ บอกว่า เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ “คอฟฟี่บีน” ในระดับที่ “คิดอะไรไม่ออกผมก็ไป อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง”
ส่วนวันธรรมดา เขาจะมี Space อยู่มีกี่แห่ง ที่หนึ่งคือ ร้านอาหารอิตาเลียนบาซิลิโก้ (Basilico) ในซอยสุขุมวิท 33 ร้านปันปัน ร้าน Londoner ใต้ตึกที่ทำงาน ซึ่งมีบริการข้าวผัดกะเพราไข่ดาว และลด 50% ในวันจันทร์-อังคาร และร้านกัลป์ประพฤกษ์
“กินวนอยู่แค่นี้ บางร้านไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แต่เป็นอะไรที่สะดวก ถ้าผมรู้ว่าซอยถัดไปมีร้านเปิดใหม่แล้วอร่อย ไปแล้วถูกใจ ก็อาจจะไปอีก แต่ถ้าไม่อร่อยครั้งหน้าผมก็ไม่ไป ถ้าไปบ่อยก็เกิดการสมัครสมาชิก เหมือนกับยุคนี้ที่มีสองคำที่คุณต้องรู้คือ View หรือ Viewer และเมื่อถูกใจก็จะเกิดการ Subscribe”