หากมองแล้ว กลยุทธ์แบบนี้ต่างคนต่างต้องงัดกลยุทธ์ที่ใช้ทั้ง Defense Strategies และ Offensive Strategy เข้ามาต่อสู้กัน เพื่อรอจังหวะที่จะตอบโต้และป้องกันจนขาดคำว่า “จริยธรรมทางธุรกิจ” ไป
ส่วนถามว่าเป็นการผิดจริยธรรมทางธุรกิจหรือผิดมารยาทหรือไม่ ถ้ามองในมุมมองของ Consumer คงจะได้ประโยชน์เต็มๆ และรอว่าใครให้ Benefit มากกว่ากัน
การผิดจริยธรรมกับผู้บริโภคคือ การที่ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย เสียผลประโยชน์ แต่กลับกัน Consumer ได้รับประโยชน์ และสนุกกับเกมการต่อสู้ในครั้งนี้ เดินเข้าไปในบิ๊กซีกับโลตัส ไม่แตกต่างกับการเดินเข้า 7-11 เลย เพราะPromotion มากมาย
หากมองในมุมของการตลาด ถือได้ว่าเป็น “Colorful Marketing” สีสันทางการตลาด แต่ก็ควรจะมีจริยธรรมในการแข่งขันด้วย ถึงแม้จะไม่ผิดจริยธรรมกับผู้บริโภค แต่ในจริยธรรมธุรกิจการแข่งขันไม่เหมาะแน่นอน
การใช้ SMS แจ้งให้ลูกค้าคู่แข่งตอบกลับหรือแจกแผ่นพับใกล้เคียงคู่แข่งขันในธุรกิจเดียวกัน จะคล้ายกลยุทธ์กองโจร หรือ Guerrilla Attack คือการลักลอบโจมตีคู่แข่งแบบผิดจรรยาบรรณ
ซึ่งกลยุทธ์แบบกองโจร (Guerrilla Attack) ในทฤษฎีการตลาดมีหลายวิธี เช่น การให้ข่าวลือ แย่งผู้บริหาร ปลอมแปลง เป็นต้น ซึ่งในสังคมไทยอาจจะยังรับไม่ได้
แต่เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจ Consumer Product นั้น ประชาชนได้ประโยชน์ จึงไม่ได้ออกมาต่อต้านเท่าไหร่นัก เนื่องจากสังคมไทยยังมีระดับรากหญ้าที่รอของแถม ของลดราคาอยู่ แต่ถ้าเมื่อใดบริโภคแล้วมีผลกระทบนั่นแหละ แน่นอน การเรียกร้องสิทธิของประชาชนจะเกิดขึ้น หรือ Human Right เมื่อถึงตอนนั้นสังคมจะฟ้องร้องเอง หรือ เรียกว่า “Social Sanction”
ในต่างประเทศเราคงได้ยินข่าวที่ Google ออกมายอมรับและขอโทษที่ทางบริษัทได้นำข้อมูลส่วนหนึ่งจาก Sohu.com มาใช้พัฒนาโปรแกรมของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ Google ก็ออกมายอมรับขอโทษ แต่ในการส่ง SMS ไปยังลูกค้าคู่แข่ง ส่วนกรณีของโลตัสที่การใช้ SMS แจ้งให้ลูกค้าคู่แข่งตอบกลับ ยังไม่มีกฎหมายมากำหนดว่าผิดหรือไม่ คงผิดแค่มารยาทธุรกิจ
ลองหันมามองในเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นจะแบ่งเป็นกลุ่ม Discount Store, Supermarket, Convenience Store และ Department Store โดยผู้บริโภคนั้นจะมีความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าแตกต่างกันไปตาม Need ต่างๆ
พฤติกรรมผู้ซื้อนั้น จะแบ่งไปตาม Need ต่างๆ Stated Need (ความต้องการขั้นพื้นฐาน), Real Need ความต้องการอยากจะซื้อ, Unstated Need ซื้อโดยไม่คาดคิด และ Delight Need ความต้องการแท้จริง อาจเป็นสูตรเดียวกันที่ Discount Store ใช้ทำกัน
เมื่อกลยุทธ์ต่างๆ ที่ทั้งบิ๊กซีและโลตัสที่ใช้ ในการทำตลาดเริ่มตัน ดังนั้น การสร้างและรักษาลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งขึ้น ทั้งบิ๊กซีและโลตัสจึงจะมองกลยุทธ์ของกันและกัน คือ ใคร ออก Campaign อะไรมา ออกจะทำตาม รอจังหวะซึ่งกันและกัน เพื่อปกป้องฐานลูกค้าให้ดีที่สุด
ซึ่งเป็นผลให้ผู้บริโภคเริ่มจะศึกษาสินค้ามากขึ้น หรือ High-Involvement จากเดิมที่ตัดสินใจง่ายๆ ซื้อ แบบ Routine หรือ Low-Involvement กลับต้องพิจารณามากขึ้น เพราะการออก Campaign ลด แลก แจก แถม ก็ยังเป็นกิจกรรมดึงผู้บริโภคให้ซื้อ และเป็นสมัยนิยมเสมอ
แต่สุดท้าย จะซื้อด้วยแบบใดก็ตาม ผู้บริโภคคงจะต้องมองที่ Benefit ที่ได้รับเป็นสำคัญ เพราะพฤติกรรมผู้ซื้อ จะซื้อครั้งมากๆ ช่วงปลายเดือน ในระหว่างเดือนถ้าต้องการจำเป็นจริง ซื้อไม่มาก ก็คงไม่พ้น Convenience Store ที่เปิดใกล้บ้าน
ยังมีปัจจัยอย่างอื่นที่เป็นตัว Drive ในการเลือกซื้ออีกเช่นกัน คงจะได้กล่าวในคราวต่อไป



