มาแล้ว! “โลตัส พรีเว่” สาขาแรกกับคอนเซปต์ “พรีเมียมที่จับต้องได้” อัดสินค้านำเข้าดึงลูกค้า

โลตัส พรีเว่
โลตัส พรีเว่ (Lotus’s Prive) สาขาแรกเปิดแล้วที่ ICS เจริญนคร มากับคอนเซปต์ “พรีเมียมที่จับต้องได้” (Premium Inclusive) เปลี่ยนลุคใหม่ยกระดับแบรนด์ เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้า 4 เท่า แต่ทำราคาเอื้อมถึง แย้มกำลังหาทำเลเปิดเพิ่มอีกในกรุงเทพฯ

“สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย” ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดตัวโลตัสสาขาใหม่ “โลตัส พรีเว่ (Lotus’s Prive)” ในศูนย์การค้า ICS เจริญนคร ซึ่งถือเป็นโลตัสคอนเซปต์ใหม่สาขาแรก เน้นสินค้าระดับ “พรีเมียม” มากกว่าโลตัสสาขาปกติ

สมพงษ์ให้นิยามว่า โลตัส พรีเว่ เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตแบบ Premium Inclusive คือเป็นสินค้า “พรีเมียมที่จับต้องได้” จับช่องว่างระหว่างค้าปลีกทั่วไปกับค้าปลีกระดับบนซึ่งราคาค่อนข้างสูง เอื้อมถึงยาก

ภายในโลตัส พรีเว่ สาขาเจริญนคร มีพื้นที่ 2,900 ตารางเมตร เล็กกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ตปกติเล็กน้อย (ปกติโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต จะลงพื้นที่อย่างน้อย 3,000 ตารางเมตร) แต่ลงสินค้าได้ถึง 27,000 รายการ พร้อมระบบพรีออร์เดอร์สินค้าบางชนิด เช่น อาหารทะเล

โลตัส พรีเว่
โซนสุขภาพและความงาม ภายในโลตัส พรีเว่ เจริญนคร

ความแตกต่างที่ทำให้โลตัส พรีเว่เกิดความพรีเมียม สมพงษ์กล่าวว่า มาจากดีไซน์ งานบริการ และสินค้า โดยเฉพาะสินค้าจะแตกต่างชัดเจน ด้วยสัดส่วนสินค้านำเข้าเพิ่มเป็น 40% จากปกติมีไม่เกิน 10% หรือเพิ่มมากว่า 4 เท่า ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทอาหารสด เช่น สตรอว์เบอร์รี่จากเกาหลี/ญี่ปุ่น บลูเบอร์รี่จากเปรู แอปเปิ้ลญี่ปุ่น เนื้อวัวออสเตรเลีย เครื่องปรุงรส ชา กาแฟ ขนมจากต่างประเทศ

รวมถึงมีกลุ่มอาหารทะเลที่ส่งตรงจาก จ.ระนอง ทุกวัน และกลุ่มสินค้าออร์แกนิกส์ ไข่ไก่ cage-free ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมาย

โลตัส พรีเว่
ตัวอย่างสินค้าในโลตัส พรีเว่ มีความพรีเมียมสูงขึ้น

“เป็นการปรับตัวตามความชอบของลูกค้าซึ่งต้องการของพรีเมียมมากขึ้น แต่ราคาไม่ควรแพงมาก และลูกค้าต้องการประสบการณ์การเดินเลือกชมสินค้า หากไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ ลูกค้าจะหันไปสั่งของออนไลน์แทน” สมพงษ์กล่าว

Positioning มีโอกาสเยี่ยมชมโลตัส พรีเว่ เจริญนคร ในวันเปิดตัว จะเห็นได้ว่าดีไซน์จะแตกต่างจากโลตัสปกติ ด้วยการจัดโซนให้มีความสวยงาม วางสินค้าในลักษณะจัดแสดงให้เดินชม งานป้ายมีการออกแบบให้พรีเมียมขึ้น ใช้โทนสีเขียวเข้มตัดเหลืองเข้ม แทนสีปกติที่เป็นสีเขียวอ่อน รวมถึงยูนิฟอร์มพนักงานก็เปลี่ยนสีและแบบชุดด้วยเช่นกัน

ด้วยดีไซน์และสินค้าที่ลงจำหน่าย โลตัส พรีเว่น่าจะเป็นแบรนด์ที่ท้าชนกับซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างท็อปส์ หรือ กูเมต์ มาร์เก็ต ได้

ดีไซน์แตกต่างจากโลตัสปกติ โลตัส พรีเว่จะใช้สีเขียวเข้ม ป้ายและการตกแต่งสวยงาม

สมพงษ์กล่าวว่า จากราคาสินค้าที่มีกลุ่มพรีเมียมเข้ามาขายมากขึ้น จึงคาดหวังว่าการใช้จ่ายต่อบิลของสาขานี้จะอยู่ที่ 600 บาทขึ้นไป จากปกติโลตัสจะมียอดต่อบิลเฉลี่ยที่ 500 บาท

ส่วนการขยายโลตัส พรีเว่สาขาอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ว่าบริษัทมีการมองหาโลเคชันอยู่เสมอ โดยจะต้องเป็นย่านที่มีลักษณะประชากรไลฟ์สไตล์คนเมือง และคู่แข่งยังมีน้อย โดยโลตัสอาจจะพิจารณาได้ทั้งเปิดสาขาใหม่ หรือปรับปรุงสาขาเดิมให้เป็นโลตัส พรีเว่ เบื้องต้นน่าจะขยายสาขาต่อไปในกรุงเทพฯ ก่อน

ด้านการลงทุนปีนี้ของโลตัส ตั้งงบการลงทุนไว้ 11,000 ล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งของงบจะเป็นการเปิดสาขาใหม่และการรีโนเวต เป้าเปิดสาขาโลตัสขนาดเล็ก 200 สาขา และโลตัสขนาดใหญ่ 5 สาขา

โดยการลงทุนปี 2566 ของโลตัสถือว่าสูงมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะอึมครึมก็ตาม “เรามองภาพระยะยาวว่าค้าปลีกไทยยังโตได้อีกมาก ทำให้เรามั่นใจที่จะลงทุนตั้งแต่ตอนนี้” สมพงษ์กล่าว