‘โลหะเงิน’ อาจแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี แถมมีแนวโน้มแซงหน้าราคา ‘ทองคำ’

โลหะเงิน ถือเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง และจากความต้องการใช้โลหะเงินที่มากขึ้นในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าราคาโลหะเงินอาจพุ่งทำระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี และอาจจะแซงหน้าราคาทองคำเลยทีเดียว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาโลหะเงินอาจแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในปีนี้ ซึ่งอาจแซงหน้าราคาทองคำ เนื่องจากอุปทานที่ไม่เพียงพอ รวมถึงแนวโน้มที่เงินให้ ผลกำไรได้ดีกว่าทองคำ ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง

“ครั้งสุดท้ายที่เม็ดโลหะเงินแตะระดับ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 และจากที่ผ่านมา โลหะเงินเคยทำกำไรได้เกือบ 20% ในปีที่อัตราเงินเฟ้อสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาโลหะเงินจะพุ่งไปที่ 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้” Janie Simpson ซีอีโอของ ABC Bullion กล่าว

ทั้งนี้ เม็ดโลหะเงิน (silver spot) เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 49.45 ดอลลาร์ในปี 1980 เทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่ 13.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณ 4 ดอลลาร์ในปี 1976 เมื่ออัตราเงินเฟ้อที่ 5.7% และช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โลหะเงินมีการซื้อขายอยู่ที่ 24.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เทียบกับอัตราเงินเฟ้อที่ 6.5%

ปัจจุบันแร่เงินอยู่ในภาวะขาดแคลนและมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปัจจุบันเงินเป็นโลหะที่ใช้โดยทั่วไปในการผลิตยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องประดับ และอิเล็กทรอนิกส์ และคาดว่าแร่เงินจะ ขาดดุลมากกว่า 100 ล้านออนซ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันการใช้แร่เงินในภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นเกือบ 50% ของความต้องการทั้งหมด

“ความต้องการดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเป็นผลมาจากความต้องการทางอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้นจากการใช้งานยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์” Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โลหะของบริษัทค้าโลหะมีค่า MKS PAMP กล่าว

จากข้อมูลของ The Silver Institute ระบุว่า ในปี 2022 มีซัพพลายแร่เงินจากเหมืองแร่รวมทั้งหมด 843.2 ล้านออนซ์ ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในปี 2016 ที่ผลิตได้ 900 ล้านออนซ์ ขณะที่ Randy Smallwood ประธานบริษัทเหมือง Wheaton Precious Metals บอกว่า ซัพพลายโลหะเงินขึ้นถึงระดับสูงสุดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จากนั้นการผลิตโลหะเงินทั่วโลกก็ลดลง และจะไม่ได้เห็นแร่เงินจากเหมืองในปริมาณมากเท่านั้นแล้ว

Source