D-max – Colorado เมื่อฝาแฝดแยกทางกันเดิน

เป็นรถฝาแฝดผูกติดกันมานานหลายปี จนวันหนึ่งก็ต้องแยกทางกันเดิน ทำตลาดกันคนละแบบ  

อีซูซุ D-max เลือกเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในวันที่ 30 กันยายน พร้อมกันทั่วโลก ตามคอนเซ็ปต์ของดีแมคซ์ และรถรุ่นใหม่นี้ใช้สโลแกนว่า D-Max รุ่นใหม่หมด 

จนมีคนตั้งคำถามว่า รถรุ่นใหม่หมด!! แล้วอีซูซุจะเหลือรถอะไรให้ขาย 

อีซูซุขนผู้บริหาร คนออกแบบจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาร่วมงาน พร้อมกับเชิญตัวแทนจำหน่าย คู่ค้า มาร่วมงานอย่างเนื่องแน่น ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี 

ยิ่งใหญ่อลังการตามแบบอีซูซุ   

ดี-แมคซ์รุ่นใหม่ใช้เครื่องบิน รถไฟควมเร็วสูง มาเป็นตัวเปรียบเทียบ แทนความเร็ว ทันสมัย และความสะดวก สบาย เป็นภาพลักษณ์ของรถในเมืองอย่างชัดเจน ภาพของความเป็นรถบรรทุกไม่ได้ถูกนำเสนอ  

จุดขายเดิมน้ำมัน 1 ถังไปได้ทั่วประเทศ หรือประหยัดสร้างรายได้ ก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงเช่นกัน

อีซูซุคงต้องการเปิดตัวรุ่นใหม่มให้ดูทันสมัย จากนั้นค่อยทำเรื่องประหยัดน้ำมัน กับเรื่องบรรทุกตามมา

ส่วนเชฟโรเลต โคโลราโด เลือกเปิดตัวหลังอีซูซุ และใช้ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา เป็นที่จัดงาน โดยใช้พื้นที่ฮอลล์ใหญ่ของไบเทค 1 หลังใหญ่ๆ ทำเป็นทุ่งข้าวโพดกลางหุบเขา เชฟโรเลตมาแนวย้อนกลับไปทำตลดรถกระบะในยุคเริ่มต้น คือเน้นไปที่ตลาดบรรทุก

แนวคิดของเชฟโรเลต โคโลราโด คือ กระบะที่ดีที่สุด จากประสบการณ์ 100 ปี  

เช่นกันมีคนตั้งคำถามอีกแล้วว่า ความหมายคือ ทำงานมา 100 ปี สามารถทำรถดีที่สุดได้คันเดียวหรือ?? 

ส่วนอีกความหมายหนึ่งก็คือ ต้องมีรถกระบะที่ดีที่สุดอีก 99 คัน เพราะแต่ละปีก็ต้องมีกระบะที่ดีที่สุดของปีนั้นด้วย 

เชฟโรเลตทำให้โคโลราโดชัดเจนในเรื่องของกลุ่มลูกค้า ที่มุ่งไปในเรื่องของการบรรทุก ใช้งานหนัก และมีปอ ทฤษฎี พระเอกจากช่อง 3 เป็นพรีเซ็นเตอร์ 

โคโลราโด กำลังวางกำลังบุกตลาดต่างจังหวัด แล้วค่อยๆ รุกเข้ามาในเมือง ตามแนวทางป่าล้อมเมืองที่ช่วงหลังถูกนำมาใช้บ่อยครั้ง

มาร์ติน แอฟเฟล ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศในงานชัดเจนว่า รถรุ่นใหม่เปิดขายในวันที่ 17 ตุลาคม ซื้อแล้วได้รถทันที  เพราะมีรถรอส่งมอบอยู่แล้ว

เขาตั้งความหวังด้วยว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดรถกระบะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปีหลังจากปิดตัวโคโลราโดรุ่นใหม่ 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงใส่ตลาดรถกระบะ และใช้จุดอ่อนของคู่แข่งในเรื่องของการรอรถส่งมอบที่ใช้เวลาเป็นเดือน ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ผู้ซื้อไม่ชอบ เชฟโรเลตนำมาปรับเปลี่ยนเป็นจุดขายของตัวเองทันที

การแยกจากกันของอีซูซุและเชฟโรเลต ชัดเจนทั้งในเรื่องตัวสินค้า กลยุทธ์การตลาด  

ความน่าสนใจอยู่ที่การตีโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ อีซูซุก้าวข้ามความเป็นรถกระบะมาเป็นรถของคนเมืองมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นการพัฒนาของตัวสินค้า และความนิยมของผู้บริโภค

ส่วนเชฟโรเลต กำลังเริ่มต้นเดินตามเส้นทางของรถกระบะเมื่อหลายสิบปีก่อน ด้วยการมุ่งไปที่ตลาดต่างจังหวัดที่ต้องการรถกระบะไว้ใช้งานบรรทุก ทำกิจกรรม ประกอบอาชีพ

เชฟโรเลตมองตลาดที่รายใหญ่มองข้าม หรือไม่โฟกัสในช่วงนี้ เพื่อสร้าง Brand ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่รถคู่แฝดเหมือนที่ผ่านมา

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>ความแตกต่างระหว่างอีซูซุ – เชฟโรเลต 

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ประเภท

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>อีซูซุ

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>เชฟโรเลต

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>

รถ

รถตอนเดียว รถตอนเดียว รถแค็บ รถแค็บ รถ 4 ประตู รถ 4 ประตู

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>

เครื่องยนต์

ดีเซล 2500
ซีซี ดีเซล 2500
ซีซี และ 
3000  ซีซี และดีเซล
2800 ซีซี

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>

ระบบขับเคลื่อน

ขับเลื่อน 2
ล้อ ขับเคลื่อน 2
ล้อ และขับเคลื่อน
4 ล้อ  และขับเคลื่อน
4 ล้อ

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>

ระบบเกียร์

มีเกียร์อัตโนมัติ มีเกียร์อัตโนมัติ ทั้ง 2
เครื่องยนต์ เฉพาะรุ่น
2800 ซีซี ราคา (บาท) 465,000 –
994,000 537,000 –
808,000
ยังไม่ประกาศราคารุ่น 2800 ซีซี เปิดตัว 30 ก.ย.2554 5 ต.ค.2554 เปิดจำหน่าย 14 ต.ค.2554 17 ต.ค.2554 การส่งมอบ จองและรอส่งมอบ ซื้อรับรถทันที ยอดขายปีแรก 140,000 คัน  6,000
คัน ส่วนแบ่งตลาด  35%  5% แนวคิดการตลาด

รถใช้ในเมือง
เน้นความแรง ทันสมัย ใช้บรรทุก
ทนทาน พรีเซ็นเตอร์ ไม่มี ปอ ทฤษฎี