ค.ศ. 2001 มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากมาย จนทำให้คนทุก Gen บนโลกรู้สึกว่าโลกอนาคตมาถึงไวเกินคาด! ไม่ว่าจะเป็นการคุยกันแบบเห็นหน้ากับคนอีกซีกโลกฟรีๆ ด้วย “สไกป์ (Skype)” การแปล 9 ภาษาเรียลไทม์ด้วยเสียงพูดผ่านแอพฯ “โวเคร่ (Vocre)” บนไอโฟน หรือแม้แต่องค์ความรู้ที่ไม่มีวันล้าสมัยในสารานุกรมเสรีอย่าง “วิกิพีเดีย (Wikipedia)”
สำหรับในโลกออนไลน์ ผู้เขียนได้จับตามองความสำเร็จของ 3 เว็บไซต์ที่เกิดจากไอเดียอันสุดโต่ง (และดูไม่น่าเป็นไปได้) แต่กลับสร้างความโดดเด่น จนในที่สุดก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในไลฟ์สไตล์ของมนุษย์โลกได้อย่างน่าทึ่ง ต่อจากนี้เราจะขอเจาะลึกกันว่าแต่ละเว็บไซต์มีที่มาของไอเดียที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกได้อย่างไร? และโมเดลธุรกิจเป็นอย่างไร?
— TrunkClub.com ขายเสื้อผ้าให้หนุ่มๆ ที่ไม่ชอบช้อปปิ้ง —
เพราะผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิงเอาเสียเลยตรงที่ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “ช้อปปิ้งคือการพักผ่อน” ทางเว็บ TrunkClub.com รับรู้ Consumer Insight ตรงนี้ดี ไม่ว่าจะเป็น…
- เพราะผู้ชายไม่ชอบเดินช้อปปิ้ง > ทางเว็บจึงจัดส่งพัสดุไปที่บ้าน/ที่ทำงาน ทุกๆ 2-3 เดือนฟรีๆ ภายในมีเสื้อผ้า รองเท้า เนกไท รวมๆ กันประมาณ 8-10 ชิ้น เมื่อลองแล้วชอบชิ้นไหนเก็บไว้ ไม่ชอบส่งกลับมาบริษัท (ฟรีค่าส่งทั้งขาไปและขากลับด้วยระบบของ FedEx)
- เพราะผู้ชาย (ส่วนใหญ่) แต่งตัวไม่ค่อยเป็น > ทางเว็บจึงมีทีมสไตล์ลิสต์ 16 คนคอยเลือกเสื้อผ้าแบรนด์ดังต่างๆ ให้เหมาะกับสรีระและไลฟ์สไตล์ของคุณ การันตีว่าดูดีทุกสถานการณ์ และเมื่อคุณนำไปลองที่บ้านยังสามารถให้ “ที่รัก” ช่วยคอมเมนต์ได้อีกด้วย!
- ผู้ชายไม่ชอบต่อราคา > บริษัทจึงสั่งซื้อของโดยตรงจากแบรนด์ (ไม่ผ่านคนกลาง) และขายราคาเท่าที่ห้างแบบแฟร์ๆ กับลูค้า
ฟังแล้วสนใจอยากรู้ขั้นตอนการสมัครใช้งานก็เพียงเข้าไปที่เว็บ TrunkClub.com จากนั้นก็เหมือนทำแบบสอบถามเกี่ยวกับตัวคุณเอง เช่น สีและแบรนด์ที่ชอบ ไซส์ของสรีระส่วนต่างๆ จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็จะมีทีมงานติดต่อกลับมา คุณก็ให้เลขบัตรเครดิตเอาไว้ ไม่กี่วันก็รอรับพัสดุที่ภายในมีเสื้อผ้าที่คัดสรรสำหรับคุณทันที และเมื่องลองแล้วชิ้นไหนชอบก็เก็บไว้ ไม่ชอบก็ส่งกลับคืน (ภายใน 30 วัน) ค่าเสื้อผ้าที่เก็บไว้ก็เท่ากับเป็นการซื้อไปในตัว จะถูกตัดเงินจากบัตรเครดิตตามจำนวนของที่ซื้อไว้ (ซึ่งผู้ใช้แต่ละคนต้องลงทะเบียนบัตรเครดิตไว้กับเว็บตั้งแต่แรก)
แน่นอนว่าโมเดลธุรกิจของเว็บนี้มีปัจจัยความสำเร็จอยู่ไม่กี่อย่าง นั่นคือ การหาซื้อสินค้าที่ดีในราคาถูก และเน้นการบริการสำหรับลูกค้าแต่ละคน (Personalized Service) ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 3,500 ราย เป้าหมายหลักอย่างเดียวคือ หากลูกค้าที่ Loyalty ให้มากที่สุด! และดูไปมาก็เหมือนธุรกิจนี้จะใช้เว็บไซต์เป็นแค่ช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับทราบฟีดแบ็ก แต่นี่แหละเป็นสิ่งที่จะดึงลูกค้าไว้นานด้วยการสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าแค่การเปลี่ยนมุมคิดนิดเดียว ก็สามารถสร้างธุรกิจใหม่ที่คู่แข่งยากจะตามทันได้ทันที!
— Airbnb.com : แลกบ้านกันอยู่ (สักพัก) ดีกว่า! —
เพราะไลฟ์สไตล์ของฝรั่งมักจะแยกตัวออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเองตั้งแต่วัยรุ่น หลายคนจึงเลือกเช่าบ้าน และเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ และระหว่างที่เราไปเที่ยวหรือมีทริปธุรกิจยังต่างเมือง บ้านที่เราเช่าก็ว่างเปล่า (แต่ค่าเช่าก็ยังต้องจ่ายเท่าเดิม) หากเปิดให้นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กมาค้างแรมชั่วคราว ก็จะทำให้มีรายได้อีกทางหนึ่ง แต่ระบบการแลกบ้านเช่าออนไลน์อย่าง Airbnb.com จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหาก ผู้ก่อตั้งไม่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า “ทุกคนเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี”
ในเว็บ Airbnb (ย่อมาจากคำว่า Air, bread and breakfast) เรียกตัวเองว่าเป็น “a trusted community marketplace for people to list, discover, and book unique spaces around the world online or from an iPhone” กล่าวแบบชัดเจนก็คือ เมื่อใดก็ตามที่เราต้องการเดินทางไปต่างแดนและอยากได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาไม่ได้จากการนอนในโรมแรมตามที่กรุ๊ปทัวร์จัดไว้ ก็เชิญเข้าไปที่ Airbnb.com ค้นหาชื่อเมือง ก็จะพบกับลิสต์ของห้องพักต่างๆ ที่เจ้าของบ้านมาโพสต์เอาไว้ ทั้งยังยังอ่านความเห็นของผู้ที่เคยมาพักก่อนหน้าได้ หากมีห้องว่างตรงกับช่วงที่คุณจะไปถึงพอดี ก็สามารถกด Booking เพื่อจองออนไลน์จากทั้งหน้าเว็บและแอพฯ ไอโฟนทันที
ก่อนที่จะลงโฆษณาเช่าบ้านที่เว็บได้ ผู้เช่าจะต้องมากรอกข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเอง จากนั้นทางเว็บก็จะติดต่อกลับ แนะนำทีมงานบุกไปถึงที่เพื่อถ่ายรูปมุมต่างๆ ของห้อง (หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการเช็กอีกครั้งว่าสถานที่นี้มีอยู่จริงและเหมาะแก่การใช้แขกมาพัก)
กลไกการหารายได้ของเว็บนี้อยู่ที่ การให้สิทธิ์ผู้เช่าในการเลือกรับ/ไม่รับแขกแต่ละรายได้เอง ทั้งยังกำหนดค่าเช่าห้องของตัวเองได้อีกต่างหาก และหากรับแขกคนใดมาพักแล้ว ระบบจะได้รายได้จากการ On Top ค่าเช่าห้อง 6-12% และเมื่อแขกที่พักทำการจ่ายเงินออนไลน์ ทางเว็บก็จะได้ค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินอีก 3% จากผู้แขกคนนั้นทันที จึงอาจกล่าวได้ว่าทุกๆ ครั้งที่การเช่าบ้านสำเร็จ ทางเว็บจะได้เงินอย่างน้อย 10% ในทุกๆ Booking
ปัจจุบันมีบ้านเช่าในลิตส์ของเว็บ Airbnb กว่า 110,000 แห่งใน 13,000 เมืองจาก 180 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ดี เมื่อ 4 เดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้กว่า 1000% ว่าจะเกิดขึ้น นั่นคือ “แขกที่มาพักกลายเป็นโจร” ก่อการทำลายและขโมยข้าวของบ้านที่ไปพัก ทางเว็บจึงอัพเกรดมาตรการรักษาความปลอดภัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การให้วงเงินประกันแก่เจ้าของบ้านทุกหลัง 1.5 ล้านบาท ทำระบบแชตแบบส่วนตัวระหว่างเจ้าบ้านและแขกเพื่อทำการรู้จักกันมากขึ้น และสำหรับนักท่องเที่ยวจะได้รับบริการ Airbnb Concierge service โดยทุกครั้งที่จองห้องพักใดๆ จะได้รับเบอร์โทรศัพท์พิเศษเฉพาะการจองนั้นๆ เพื่อติดต่อคอลเซ็นเตอร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในการโทรถามสภาพอากาศ จองตั๋วเครื่องบิน ให้คำแนะนำทางการแพทย์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ฯลฯ
และหลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้น ทางเว็บ Airbnb กลับยิ่งทุ่มโฆษณาผ่านกูเกิลมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า โมเดลธุรกิจแลกบ้านกันเช่านี้ไม่มีช่องโหว่ และทุกคนมีแต่จะ Win กับ Win
จะว่าไปแล้ว เว็บ Airbnb ที่ดูเหมือนจะเน้นช่องทางออนไลน์ในการหารายได้ง่ายๆ ในการเป็นตัวกลางการจองห้องพัก แต่ตรงข้าม ระบบเบื้องหลังกลับใช้พลังงานคนมากมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ยกเซตทีมงานไปถ่ายรูปห้องต่างๆ ทุกๆ ครั้ง ทีมคอลเซ็นเตอร์สแตนบายตลอด 24 ชั่วโมง แต่การได้เงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทในปีนี้ ก็ทำให้ขั้นตอนดูเหมือนเยอะๆ เหล่านี้ ดูจะ Flow ง่ายยิ่งขึ้น
— Square เครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยมือถือ! —
ขณะที่ข่าวแฮคเกอร์แฮคข้อมูลบัตรเครดิต และเครื่องสกิมมิ่งปลอมบัตร ATM เป็นมะเร็งร้ายรุกรานอัตราของการเติบโตด้าน E-Commerce ในไทย แต่เมื่อนั่งเครื่องบินทั้งวันจนถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ณ สหรัฐอเมริกา กลับพบหลากธุรกิจ SME’s ไปจนถึงห้างใหญ่ต่างอ้าแขนรับเทคนิคการจ่ายเงินด้วยการรูดบัตรเครดิตด้วยมือถือทั้งนั้น และผู้นำคนแรกที่คิดค้นเครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยมือถือคือบริษัท Square, Inc ผู้ทำแพลตฟอร์มการจ่ายเงินด้วยการรูดบัตรเครดิตจากมือถือ
5 จุดเด่นที่ยิ่งกระตุ้นคนมาใช้ระบบการจ่ายเงินแบบนี้ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมถูกกว่าเครื่องรูดบัตรปกติ (เพียง 2.75%), รับรูดเงินวันนี้ พรุ่งนี้ถอนออกได้เลย, แอพฯ และเครื่องรูดการ์ดแจกฟรี หาซื้อได้ที่ร้านแอปเปิล, เปิดใช้บริการได้รวดเร็ว นอกจากนี้แล้วการออกแบบเครื่องอ่าน แอพฯ และเว็บไซต์ยังมีการใส่ใจเรื่องการออกแบบให้สุนทรียศาสตร์ (The aesthetic of technology) ทำให้เรื่อง “การใช้เงินโดยไม่จับธนบัตร” เป็นเรื่องง่ายๆ ชิลล์ๆ
เมื่อมีระบบการจ่ายเงินแบบนี้ทำให้ร้านกาแฟ ครูสอนพิเศษ นักดนตรี คนขับแท็กซี่ ฯลฯ สามารถที่จะรับเงินค่าจ้างทันทีจากการรูดบัตรเครดิต (เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่ใช้บัตรเครดิตมากกว่าเงินสด) และสิ่งที่ระบบ Square เปลี่ยนโลกของเราไปอีกอย่างก็คือ การทำให้โลกไร้ใบเสร็จแบบกระดาษ เพราะทุกครั้งที่ใช้จ่ายจะมีการส่ง SMS, Email ไปยังบัญชีของเราเพื่อระบุรายละเอียดการซื้อแบบเสร็จสรรพ ตั้งแต่เวลา, พิกัดร้าน, ส่วนลดที่ได้ ฯลฯ
ตอนนี้มีผู้เปิดใช้บริการ Square แล้ว 750,000 ราย และครึ่งหนึ่งเป็นคนทำธุรกิจอิสระ ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนจากการรูดบัตรถึง 120 ล้านบาท/วัน ส่วนใหญ่เน้นใช้กับการจ่ายเงินซื้ออาหาร และชำระค่าบริการต่างๆ
ปัจจุบันหลากธุรกิจต่างหันมาสร้างเครื่องอ่านและแพลตฟอร์มการจ่ายเงินด้วยการรูดบัตรเครดิตบนมือถือมากกว่า 10 ราย (ในจีนเองก็มีผู้โคลนนิ่งระบบนี้แล้วอย่างน้อย 2 ราย) รวมถึงห้างดังก็เริ่มหันมาประยุกต์ใช้มือถือเพื่อทำการ “จ่ายค่าสินค้า ณ จุดที่ซื้อ”