Apple วางแผนทุ่มทุนสร้าง “ภาพยนตร์” ปีละ 1,000 ล้านเหรียญ พร้อมส่งหนังเข้าฉายในโรงก่อนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อสื่อสารต่อสาธารณะว่าบริษัทเป็นค่ายหนังคุณภาพ และเอาจริงกับการทำภาพยนตร์
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple วางแผนจะอัดทุนสร้างภาพยนตร์อีกปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปกติก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนที่จะเข้าฉายผ่านสตรีมมิ่ง Apple TV+
จุดประสงค์การเข้าโรงปกติเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้ชมเห็นว่า ค่าย Apple Studios นั้นเป็นผู้เล่นหลักในวงการภาพยนตร์ และต้องการจะทำหนังดีมีคุณภาพออกมา
ถือเป็นการแก้เกมที่ก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่อง CODA ที่ชนะรางวัลออสการ์ถึง 3 รางวัล ค่ายนี้ก็ยังไม่มีหนังฮิตติดกระแสอีก และยังไม่ถูกมองเป็นค่ายหนังรางวัล
ปัจจุบัน Apple ถือว่ายังใหม่มากในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เข้าไปฉายในโรงหนัง ทำให้มีข่าวว่าค่ายอาจจะพูดคุยกับค่ายหนังอื่นด้วย เพื่อหาพันธมิตรช่วยในการจัดจำหน่าย
แผนการนำภาพยนตร์ฉายในโรงอย่างต่อเนื่องของ Apple อาจได้เห็นเร็วๆ นี้ เพราะค่ายมีโปรแกรมหนังในมือรอออกฉายในปี 2023 อยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่อง Argylle หนังระทึกขวัญนำแสดงโดย ดูอา ลิปา และ เฮนรี่ คาวิลล์ รวมถึงเรื่อง Napolean หนังดราม่าอิงประวัติศาสตร์ที่กำกับโดย ริดลีย์ สก็อตต์ และนำแสดงโดย โจอาควิน ฟินิกซ์
ด้านคู่แข่งของ Apple มีความเคลื่อนไหวแตกต่างกันไป เช่น Amazon ประกาศเหมือนกันว่าจะอัดทุนสร้างปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างภาพยนตร์ที่เข้าโรงก่อนเข้าสตรีมมิ่งของตนเอง ขณะที่ Netflix นั้นส่งสัญญาณว่าแพลตฟอร์มไม่พร้อมจะส่งภาพยนตร์เข้าฉายโรงก่อน
- ไม่ใช่แค่ไทย! ‘Netflix’ หั่นราคาในกว่า 30 ประเทศ หวังกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่
- ‘Disney’ เตรียม ‘ปลดพนักงาน’ เพื่อลดต้นทุน พร้อมตั้งเป้าทำ ‘กำไร’ ในปี 2024
แผนของ Apple ที่จะส่งหนังเข้าโรงก่อนนั้นยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อยในการช่วยดึงคนมาสมัครสมาชิกสตรีมมิ่งเพิ่ม แต่ที่แน่ๆ ก็คือ การส่งหนังไปฉายในโรงปกติก่อนจะทำให้สาธารณชนเปลี่ยนความคิด หันมามองว่าค่ายหนังของ Apple นั้น “เอาจริง” ในการทำหนังที่มีคุณภาพ และต้องทำหนังที่ดึงคนให้ไปตีตั๋วดูที่โรงหนังได้จริงๆ