ยุคก่อนอีลอน มัสก์ของ Twitter กำลังจะจบลงแล้ว เพราะในวันที่ 1 เมษายนนี้ เครื่องหมาย “ติ๊กถูกสีฟ้า” หรือ Verified Badge ที่ให้กับบัญชีคนดัง/องค์กรเพื่อยืนยันว่าเป็นบัญชีตัวจริง กำลังจะถูกยกเลิก ใครก็ตามที่ต้องการมีเครื่องหมายยืนยันตัวตนจะต้องเสียเงินสมัครสมาชิกเท่านั้น
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ Twitter ประกาศว่า จะยกเลิก Verified Badge เครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าดั้งเดิมที่เคยให้กับคนดัง องค์กร แบรนด์ดัง ที่แพลตฟอร์มเคยให้ไว้ตั้งแต่ก่อนอีลอน มัสก์เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการ
เครื่องหมายติ๊กถูกดั้งเดิมนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 จุดประสงค์เดิมเพื่อช่วยยืนยันตัวตนให้กับเซเลป นักการเมือง บริษัท แบรนด์ องค์กรข่าว หรือบัญชีใดๆ ที่ถือว่าเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ เนื่องจาก Twitter ต้องการยืนยันให้ชัดว่าบัญชีเหล่านี้เป็น “ตัวจริง” ไม่ใช่บัญชีปลอมแปลงเลียนแบบ หรือสร้างตัวตนมาล้อเลียนสนุกๆ ซึ่งแพลตฟอร์มไม่เคยคิดเงินในการยืนยันตัวตนให้มาก่อน และมีการให้ติ๊กถูกสีฟ้าไปแล้วกว่า 420,000 บัญชี
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของมัสก์มองว่าระบบยืนยันตัวตนเดิมของ Twitter นั้น “ฉ้อฉล” และวางนโยบายเปลี่ยนให้การมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้ายืนยันตัวตนเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ซึ่งเขามองว่า “เป็นประชาธิปไตย” มากกว่า ทำให้เครื่องหมายนี้ไม่ใช่เครื่องแสดงสถานะความดัง
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง นี่จะเป็นช่องทางหารายได้อย่างงามให้กับมัสก์ เพราะคำว่าเข้าถึงได้สำหรับทุกคน หมายถึง Twitter เปิดโอกาสให้ทุกคนจ่ายค่าสมาชิกได้เพื่อรับเครื่องหมายยืนยันตัวตน
ปัจจุบัน Twitter เริ่มเปิดระบบ “Twitter Blue” แล้วทั่วโลก เพื่อให้จ่ายค่าสมาชิกรับเครื่องหมายติ๊กถูกกันได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามลักษณะของผู้ใช้งาน ดังนี้
- สีฟ้า สำหรับบุคคลทั่วไป ราคา 8-11 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์การสมัคร)
- สีเทา สำหรับหน่วยงานรัฐ ราคา 1,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน
- สีทอง สำหรับหน่วยงานเอกชน ราคา 1,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน
นอกจากจะเป็นการยืนยันตัวตนจริงแล้ว บัญชีที่สมัครสมาชิกจะได้สิทธิพิเศษ เช่น สามารถแก้ไขทวีตของตนเองได้ภายใน 30 นาทีหลังทวีต, ทวีตได้ยาวขึ้นเป็น 4,000 ตัวอักษร และได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ด้านบนเมื่อเข้าไปอยู่ในบทสนทนา
สำหรับประเทศไทยนั้น เครื่องหมายถูกสีฟ้าใน Twitter คิดราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 275 บาทต่อเดือน หรือเหมาจ่าย 2,900 บาทต่อปี
ระบบ Twitter Blue นั้นถูกอีลอน มัสก์เร่งเข็นออกมาใช้งานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 แต่หลังจากนั้น 2 วันก็ต้องปิดระบบไปก่อน เพราะเกิดบัญชีปลอมตัวเป็นคนดังมากมายมาขอรับเครื่องหมายยืนยันตัวตน จนเกิดความสับสนในโลก Twitter หลังจากนั้นในเดือนธันวาคม 2022 แพลตฟอร์มจึงเปิดระบบอีกครั้ง หลังไปปรับปรุงวิธีการยืนยันตัวตนจริงให้รัดกุมมาแล้ว
มัสก์เคยส่งข้อความภายในหาพนักงาน Twitter เมื่อปีก่อนว่า บริษัทต้องการให้ค่าสมัครสมาชิกเป็นแหล่งรายได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของบริษัท มิฉะนั้น หากไม่มีรายได้จากสมาชิก ก็มีโอกาสมากที่บริษัทจะไม่สามารถรอดพ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กำลังจะมาถึงได้