ตลาดกล้องยังไม่ตาย! ‘แคนนอน’ ชี้ ‘ครีเอเตอร์’ คือน่านน้ำใหม่ พร้อมวางเป้าเติบโต 20%

ย้อนกลับไปปี 2019 ก่อนที่โลกจะเจอกับการระบาดของ COVID-19 ตลาด กล้อง มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 230,000 เครื่อง แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาดก็ลดลงเหลือเพียง 3,000 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 95,000 เครื่องเท่านั้น แต่ แคนนอน (Canon) ก็ยังเชื่อว่า ตลาดยังไม่ตาย และน่านน้ำใหม่ก็คือ ครีเอเตอร์

ตลาดยังไม่ตายแต่ไม่โต

ตลาดกล้อง ถือเป็นอีกตลาดที่ถือเป็นช่วงขาลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่การมาของสมาร์ทโฟนที่ประสิทธิภาพของกล้องนับวันจะดีมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อภาคการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นอีกปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดยังหายไปนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มูลค่าตลาดกล้องจะหายไปเกินครึ่ง อย่างไรก็ตาม เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เชื่อว่า ตลาดคงไม่ตกต่ำไปกว่านี้แล้ว

โดยสิ่งที่ช่วยพยุงตลาดในตอนนี้ก็คือ กล้อง Full Frame โดยในปีที่ผ่านมาเป็นกลุ่มเดียวที่ยังเติบโตได้ถึง 11% ขณะที่ปี 2023 ทาง GFK คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 6% นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่กลับมาเติบโตก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดยังคงประคองตัวได้ เพราะกล้องเป็นสินค้าแรก ๆ ที่คนอยากอัปเกรดเมื่อจะไปท่องเที่ยว

“ตลาดมันลดมานานจนถึงจุดที่มันนิ่งเเล้ว อย่างกล้องคอมแพคก็ถูกแทนที่โดยมือถือ ส่วนกล้อง DSLR คนก็อัปเกรดไปใช้ Full Frame ทำให้มูลค่าตลาดตกน้อยกว่าจำนวน เพราะมีราคาสูงกว่า แต่แม้ตลาด Full Frame ยังเติบโตได้ แต่คงจะโคเวอร์ตลาดไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้น ตลาดกล้องปีนี้เราคาดว่าตลาดยังทรงตัว”

ครีเอเตอร์ น่านน้ำใหม่ของตลาด

ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะเห็นว่ามี อินฟลูเอนเซอร์ หรือ ครีเอเตอร์ หน้าใหม่เกิดขึ้นมาทุกวัน ซึ่งแคนนอนมองว่าครีเอเตอร์เป็น บลูโอเชี่ยน ของตลาดกล้อง ซึ่งแคนนอนก็ต้องการจะเจาะกลุ่มครีเอเตอร์ที่ต้องการ อัปเกรดจากสมาร์ทโฟนมาใช้งานกล้อง เพราะถึงแม้ว่าการใช้สมาร์ทโฟนจะสะดวกแต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง

โดย เนตรนรินทร์ มองว่า เห็นเทรนด์การเติบโตของครีเอเตอร์ตั้งแต่ก่อนโควิด ที่คนไทยเปลี่ยนจากแค่ถ่ายรูปมาเป็นถ่ายคลิป จนนำไปสู่การแชร์และเกิดเป็นการสร้างรายได้

“แน่นอนว่ากล้องมือถือมันสะดวก แต่ลูกค้าที่ซื้อกล้องเพราะฟีเจอร์มันตอบโจทย์สิ่งที่มือถือไม่มี โดยเราเชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 30% ของครีเอเตอร์ที่ใช้สมาร์ทโฟนทำคอนเทนต์เป็นหลัก และสำหรับคนที่เริ่มสร้างรายได้จากคอนเทนต์ได้ เขาก็อยากจะอัปเกรดอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มคุณภาพของคอนเทนต์”

ส่งกล้อง 2 รุ่นใหม่จับตลาดเอนทรี่-มิดไฮ

ล่าสุด แคนนอนได้เปิดตัวกล้อง 2 รุ่น ได้แก่ EOS R8 และ EOS R50 สำหรับจับกลุ่มครีเอเตอร์ พร้อมออกแคมเปญ You ‘R Creator ใช้งบการตลาดที่ 50 ล้านบาท

โดย EOS R8 เป็นกล้อง Mirrorless Full Frame เน้นการใช้งานมืออาชีพ บันทึกวิดีโอคุณ 4K 60P ได้แบบไม่ครอป มีฟังก์ชัน Auto Focus detect only ช่วยให้ภาพวิดีโอดูเนียนตา โฟกัสไม่หลุดแม้เดินเข้า-ออกจากเฟรมภาพ โดยราคากล้องเปล่าอยู่ที่ 56,590 บาท และพร้อมเลนส์ RF24-50mm f/4.5-6.3 IS STM ที่ 64,790 บาท

ส่วน EOS R50 จะจับตลาดครีเอเตอร์กลุ่มเริ่มต้นที่อยากอัปเกรดจากการใช้สมาร์ทโฟนถ่ายคอนเทนต์มาเป็นกล้อง เหมาะสำหรับทำ Live Streaming Blogger และ Vlogger โดยสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อไลฟ์ได้โดยไม่ต้องลงแอปพลิเคชัน, ใช้ทัชสกรีนหาจุดโฟกัส เป็นต้น โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 28,990 บาท มีสีขาวและดำ

“ราคาสินค้าที่ขายดีจะอยู่ประมาณ 30,000-90,000 บาท ดังนั้น ตัวเริ่มต้นราคาประมาณ 2 หมื่นไม่เกิน 3 หมื่น เรามองว่าเป็นราคาที่ลูกค้ามีกำลังจ่ายได้”

วางยอดขายโต 20%

สำหรับยอดขายทั้ง 2 รุ่นใหม่ แคนนอนวางไว้ที่ 6,000 เครื่อง พร้อมวางเป้ายอดขายทั้งปี เติบโต 20% ปัจจุบัน รายได้จากกล้องคิดเป็นประมาณ 25% ของรายได้รวม หรือราว 800 ล้านบาท

“เราจะไม่ทำสงครามราคา เพราะมองว่าไม่ยั่งยืน อย่างในตลาดตอนนี่้เทียบคู่แข่งเราไม่ได้ถูกกว่า แต่มั่นใจว่าคุ้มค่าการจ่าย โดยรุ่น EOS R50 เราต้องการจะไปแทนที่การใช้สมาร์ทโฟน เพราะเรามองว่ามันยังมีข้อจำกัด เราเลยทำฟีเจอร์ที่แทนที่ข้อจำกัดของการใช้กล้องสมาร์ทโฟน ส่วน EOS R8 จะมาเพื่อรักษาความแข็งแรงของกลุ่ม Full Frame” เนตรนรินทร์ ทิ้งท้าย