Asia Plus มองหุ้นไทยหลังเลือกตั้ง ได้ลุ้นเม็ดเงินต่างชาติ แม้ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก

Photo : Shutterstock

บล.เอเซีย พลัส (Asia Plus) มองหุ้นไทยหลังเลือกตั้งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2023 ยังมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะกำลังฟื้นตัวก็ตาม ขณะเดียวกันก็มองว่าหุ้นไทยยังได้ลุ้นเม็ดเงินจากนักลงทุนชาวต่างชาติ จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ยังเติบโตได้

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ได้กล่าวถึงปัจจัยภายนอกสำคัญที่กระทบกับเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก นั่นก็คือการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว

เขาชี้ว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบนั้นเป็นสิ่งที่กำลังเริ่มขึ้น ซึ่งผลกระทบจะทำให้หลายบริษัทที่ปรับตัวไม่ได้ เริ่มมีปัญหา รวมถึงบางสถาบันการเงินที่มีพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงนั้นทำให้นักลงทุนเริ่มหวาดกลัวในเรื่องความเสี่ยงของสถาบันการเงินเหล่านี้

ขณะเดียวกันความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจจะถดถอยล่าสุดของสหรัฐคือ 65% นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเงินเฟ้อ แม้ว่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เนื่องจากแรงกระตุ้นเงินเฟ้อจากปัจจัยต่างๆ ทำให้เทิดศักดิ์มองว่าภาพรวมของปัจจัยภายนอกดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่

กลับมามองที่เศรษฐกิจไทยแล้วนั้น เขาชี้ว่าในรอบที่ผ่านมาเห็นการเติบโตได้หลังจากปิดประเทศไปเป็นเวลาเกือบ 2 ปี และเศรษฐกิจไทยนั้นเติบโตจากฐาน GDP ที่ต่ำ และยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรองรับ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เข้ามาไทยล่าสุดมากถึง 6.6 ล้านคน เทิดศักด์มองว่านักท่องเที่ยวกลับมาเร็วกว่าคาดด้วยซ้ำ มองว่าอาจเป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นเศรษฐกิจ

เขาชี้ว่าประเทศไทยไม่น่าจะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากข้อมูลล่าสุดโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะถดถอยตอนนี้อยู่ที่ 15% เท่านั้น

ไม่เพียงเท่านี้ในไตรมาส 2 ในไทยยังมีปัจจัยเลือกตั้งที่จะเข้ามาสนับสนุน เขาได้ชี้ข้อมูลว่าหลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นในช่วง 1 เดือน ตามสถิติดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นบวกได้ราว 3.81% แต่เขามองว่าในรอบการเลือกตั้งครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิมได้

รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย ของ Asia Plus ยังชี้ว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นขึ้นอยู่กับผลของการเลือกตั้ง เขามองว่านักลงทุนมองถึงไอเดียใหม่จากรัฐบาลใหม่ ถ้าหากมีพรรคใดพรรคหนึ่งครองเสียงข้างมาก ก็อาจเป็นปัจจัยผลักดันหุ้นไทย แต่ถ้าหากเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคเขาชี้ว่าผลอาจออกมาแบบเดิมได้

ถ้าหากมองไปยังนโยบายการเมืองต่างๆ แล้วนั้น เขาชี้ว่านโยบายสำคัญๆ เช่น นโยบายลดภาระของประชาชน เพิ่มเงินในกระเป๋า และรวมถึงสวัสดิการต่างๆ แต่ก็เทิดศักดิ์ก็มีความกังวลถึงนโยบายต่างๆ ว่าการใส่เงินเข้าไปแล้วไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งผลกระทบที่ตามมาคือหนี้สาธารณะที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ Asia Plus ยังมองว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกมาลงทุนในตลาดหุ้น ไทย จีน หรือไต้หวัน เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดว่ามีกำไรเติบโตในปี 2023 ราวๆ 12.6% ทำให้ได้ลุ้นเม็ดเงินไหลเข้าไทยได้ โดยมองหุ้นไทยซื้อขายอยู่ในกรอบ 1,544 ถึง 1,630 จุด

อย่างไรก็ดีความเสี่ยงของหุ้นไทยที่ Asia Plus มองคือปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปที่อาจถดถอยนั้นส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้