หวานหมู “สมาร์ทโฟนจีน” หลังเกิดสงครามยูเครน Xiaomi-Realme แท็กทีมครองตลาด “รัสเซีย”

สมาร์ทโฟนจีน
ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า M. Video ในกรุงมอสโก รัสเซีย หนึ่งในผู้จัดจำหน่าย Xiaomi (Photo: Shutterstock)
Xiaomi และ Realme ผงาดขึ้นครองตลาดสมาร์ทโฟนใน “รัสเซีย” แทนที่ Samsung และ Apple หลังเกิดสงครามยูเครนและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

M. Video-Eldorado Group บริษัทค้าปลีกท้องถิ่นในรัสเซียเปิดข้อมูล แบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีนครองมาร์เก็ตแชร์สูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากแบรนด์ตะวันตกคว่ำบาตรตลาดนี้เนื่องจากเหตุรัสเซียบุกรุกดินแดนยูเครน

โดยยอดขายสมาร์ทโฟนจีนเติบโตขึ้น 42% ในเชิงปริมาณ และมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 70% รวมถึงมีแบรนด์หลักที่ครองตลาดคือ Xiaomi ปรับขึ้นจากอันดับ 2 มาเป็นเบอร์ 1 ของตลาด ขณะที่ Realme ก็ดีดจากเบอร์ 4 มาเป็นอันดับ 2 ของตลาด

ในไตรมาสแรกปี 2023 ชาวรัสเซียซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ประมาณ 6.5 ล้านเครื่อง ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ถ้าคิดเป็นมูลค่าต่อเครื่องแล้ว ราคาที่ซื้อตกลง 23% เหลือเฉลี่ยเครื่องละ 22,000 รูเบิล (ประมาณ 9,200 บาท)

Realme จีน อินเดีย
Realme ดีดขึ้นจากสมาร์ทโฟนเบอร์ 4 มาเป็นเบอร์ 2 ในตลาดรัสเซีย

สำหรับสมาร์ทโฟนที่ตกอันดับคือ Samsung ที่เคยเป็นเบอร์ 1 ในรัสเซีย ปัจจุบันลงมาอยู่อันดับ 3 และ Apple ที่เคยอยู่อันดับ 3 ก็ร่วงมาเป็นอันดับ 4 แทน Counterpoint Research รายงานว่า สองแบรนด์ใหญ่นี้เคยมีมาร์เก็ตแชร์รวมกันแตะ 57% แต่เมื่อถอนตัวจากตลาดแล้วทำให้มาร์เก็ตแชร์ลดเหลือ 34%

ขณะที่อันดับ 5 ปัจจุบันเป็นของแบรนด์ Tecno จากจีน ซึ่งเติบโตได้อย่างรวดเร็วในตลาดรัสเซีย

หลังจากแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung และ Apple ถอนตัวออกจากรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน ทำให้เหล่า “สมาร์ทโฟนจีน” ได้โอกาสในการตีตลาดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ทั้งสองแบรนด์ยังคงมียอดขายอยู่แม้จะประกาศถอนตัวจากตลาดไปแล้ว เป็นเพราะรัฐบาลรัสเซียอนุญาติให้มีการนำเข้าได้โดยไม่ผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ ยกตัวอย่างเช่น M. Video-Eldorado Group ก็หันมานำเข้าสมาร์ทโฟน Samsung และ Apple ผ่านทางประเทศคาซัคสถานแทน

Samsung และ Apple เสียส่วนแบ่งการตลาดในรัสเซีย หลังมาตรการคว่ำบาตร

ขณะที่จีนก็ยังคงทำการค้ากับรัสเซียตามปกติและยิ่งเพิ่มมูลค่าซื้อขายระหว่างกัน เมื่อปี 2022 การค้าระหว่างจีนกับรัสเซียมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 34.3% ขึ้นไปแตะ 1.89 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และทั้งสองประเทศยังวางเป้าหมายที่จะมีมูลค่าการค้าขายระหว่างกันขึ้นไปแตะ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2024 อีกด้วย

การดำรงการค้าของเอกชนจีนกับรัสเซียก็มิใช่ว่าจะไม่มีผลกระทบทางลบเสียเลย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสัปดาห์ก่อน หน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชันในยูเครน นำชื่อบริษัท Xiaomi และผู้ก่อตั้ง/ซีอีโอ “เหล่ย จุน” รวมถึงชื่อบริษัท/ผู้บริหารอีกมากมาย ไปไว้ในทำเนียบรายชื่อ “ผู้สนับสนุนสงครามระหว่างประเทศ” ซึ่งทาง Xiaomi ออกมาปฏิเสธแล้วว่าบริษัทไม่ได้สนับสนุนการทำสงครามใดๆ ทั้งสิ้น

Source