เนื่องจากต้นทุนทั้งวัตถุดิบและพลังงานสูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ เนสท์เล่ (Nestle) บริษัทอาหารบรรจุกล่องรายใหญ่ที่สุดของโลกต้องปรับราคาสินค้าในช่วงไตรมาส 1 เพื่อช่วยให้บริษัทยังรักษาการเติบโตของบริษัทไว้ได้
เนสท์เล่ ยอมรับว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับขึ้นราคาสินค้า 9.8% เนื่องจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นเพราะทั่วโลกกำลังเจอกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อ โดยผลจากการปรับราคาสินค้าทำให้ยอดขายช่วงไตรมาสแรกของปีสามารถเติบโตได้ 5.6% โดยมีรายได้ 2.648 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นับจากปริมาณการขายซึ่งเป็นการเติบโตภายในที่แท้จริงจะ ลดลง 0.5% ย้อนไปในปี 2022 ที่ผ่านมา บริษัทปรับขึ้นราคาสินค้า 8.2% ขณะที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 0.1%
เนสท์เล่ ระบุว่า บริษัทยังคงเห็นการเติบโตในประเภทต่าง ๆ ทั้งในกลุ่มของ กาแฟ อาทิ Nescafe, Nespresso และแบรนด์ Starbucks โดยมีการเติบโตเกือบแตะ 2 หลัก ในขณะที่ยอดขายกลุ่ม ขนมและช็อคโกแลต อาทิ KitKat, Smarties, Milky Bar และ Quality Street เติบโตขึ้น 2 หลัก นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงอย่าง Purina PetCare ก็มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน
ปัญหาด้านต้นทุนกลายเป็นปัญหาที่ท้าทายในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดย ยูนิลีเวอร์ เคยบอกว่าบริษัทเห็นแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิตในทุกด้าน ตั้งแต่ต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเคมี พลังงาน การขนส่ง และโลจิสติกส์ โดยเขามองว่าหลายบริษัทยังขึ้นราคาสินค้าได้ไม่สุดเพดานที่แท้จริง