กองทรัสต์ CPNREIT ประกาศแผนการต่อสัญญาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และพระราม 2 มั่นใจดำเนินการสำเร็จ ด้วยมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสม พร้อมการสนับสนุนของ CPN ที่ยืนยันลงทุนใน CPNREIT ต่อเนื่อง
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง ของ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ในฐานะผู้สนับสนุน (Sponsor) ผู้ถือหน่วยทรัสต์ (ร้อยละ 30) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของ CPNREIT เปิดเผยว่า CPN พิจารณาการต่อสัญญาให้กับ CPNREIT สำหรับสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 15 ปี (พร้อมสิทธิในการต่อสัญญาอีก 7 ปี) และให้ต่อสัญญาเซ็นทรัล พระราม 2 ตามเงื่อนไขเดิม 30 ปี โดยให้แบ่งชำระงวด 10 ปีแรก (ยังคงมีสิทธิการเช่าส่วนที่เหลืออีก 20 ปี แต่ตกลงค่าเช่าที่เหมาะสมได้ในอนาคต) รวมมูลค่าไม่เกิน 25,014 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมตามราคาประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระ นอกจากนี้ CPN มีความตั้งใจลงทุนใน CPNREIT ต่อเนื่อง จากผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ และมั่นใจในศักยภาพของทรัพย์สินในกองทรัสต์ที่มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมากภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดย CPN มีความพร้อมที่เพิ่มสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์จากร้อยละ 30 เป็นประมาณร้อยละ 40 คิดเป็นเงินลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนสำหรับการลงทุนครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง CPNREIT และ CPN
นางสาวปัทมิกา พงศ์สูรย์มาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT กล่าวว่า ผู้จัดการกองทรัสต์ได้ดำเนินการตามนโยบายการลงทุนของ CPNREIT เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงด้วยการหาโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในจังหวะและราคาที่เหมาะสม แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องชะลอการลงทุนออกไป ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นผู้จัดการกองทรัสต์จึงได้พิจารณาต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2 โดยราคาทรัพย์สินที่จะลงทุนในการต่อสัญญารวมไม่เกิน 25,014 ล้านบาท ประกอบด้วย
- สัญญาโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เป็นระยะเวลา 15 ปี มูลค่าลงทุนไม่เกิน 12,161 ล้านบาท
- โครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ที่ได้จดทะเบียนสิทธิการเช่าต่ออีก 30 ปีเรียบร้อยแล้ว โดยชำระค่าเช่าสำหรับ 10 ปีแรก ในมูลค่าไม่เกิน 12,853 ล้านบาท และจะตกลงราคาและการชำระค่าเช่าส่วนที่เหลือในอนาคต
การลงทุนดังกล่าว ผู้จัดการกองทรัสต์มั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อกองทรัสต์และผู้ถือหน่วยทรัสต์ และสร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CPNREIT โดยพิจารณาความเหมาะสมของการลงทุนจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ราคาทรัพย์สินที่จะลงทุนมีความเหมาะสม ในระดับเดียวกับราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย
- คุณภาพและศักยภาพทรัพย์สินที่จะลงทุน โดยทั้งเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล พระราม 2 เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าและฐานรายได้ที่มั่นคง โดยสร้างรายได้ให้กับกองทรัสต์กว่าร้อยละ 45 ของรายได้รวมของกองทรัสต์
- ขนาดการลงทุนและระยะเวลาการเช่ามีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาดปัจจุบัน การปรับเงื่อนไขการชำระเงินของเซ็นทรัล พระราม 2 จะช่วยสนับสนุนให้การจัดหาเงินทุนเพื่อการต่อสัญญาสำเร็จได้ภายใต้สถานการณ์ตลาดปัจจุบัน โดยกองทรัสต์ยังได้รับสิทธิการต่อสัญญาของทั้งสองโครงการ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกองทรัสต์ในการพิจารณาลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคตอีกด้วย
- ผลตอบแทนจากการลงทุนจากการต่อสัญญาครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์จะได้รับประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย และผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ตลอดอายุสัญญาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับการไม่ต่อสัญญาเช่า
ผู้จัดการกองทรัสต์ได้จัดเตรียมแผนการจัดหาเงินทุนเพื่อให้การลงทุนประสบความสำเร็จ จากแหล่งเงินทุน 2 ส่วนดังนี้
- กรอบเงินกู้ยืมไม่เกิน 18,000 ล้านบาท แต่ผู้จัดการกองทรัสต์วางแผนจะใช้เงินกู้ยืมประมาณ 15,700 ล้านบาท หรือประมาณสัดส่วนร้อยละ 60 ของเงินระดมทุนทั้งหมด ทั้งนี้ ระดับเงินกู้ยืมภายหลังการต่อสัญญาต่อสินทรัพย์รวมจะไม่เกินร้อยละ 49 ซึ่งเป็นระดับที่ CPNREIT ยังดำรงความสามารถในการชำระหนี้ และบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและอายุสิทธิการเช่าของทรัพย์สินได้ และ
- เงินเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์ครั้งเดียวในปี 2567 ไม่เกิน 1,100 ล้านหน่วย ซึ่งจะเสนอขายทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหม่ ซึ่งจะพิจารณาจัดสรรต่อไป โดย CPN ในฐานะผู้สนับสนุนยังคงมีความตั้งใจลงทุนใน CPNREIT อย่างต่อเนื่องตามที่คุณนภารัตน์ ได้กล่าวข้างต้น
ทั้งนี้ เตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ CPN ยังได้เสนอแผนการปรับปรุงโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ช่วงปี 2567-2568 งบประมาณรวม 1,779 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนการลงทุนของ CPNREIT มูลค่าไม่เกิน 1,100 ล้านบาท ตามสัดส่วนพื้นที่ซึ่ง CPNREIT ลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับภาพลักษณ์ และ Positioning อันจะเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ กล่าวย้ำอีกครั้งว่า CPNREIT เป็นเงินลงทุนที่สำคัญของ CPN ในการต่อสัญญาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ และ CPN ในฐานะผู้บริหารทรัพย์สินยังคงมุ่งมั่นสร้างการมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินในกองทรัสต์ นอกจากนี้ CPN ขอยืนยันการเป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์หลัก (Sponsor) ต่อไปและจะสนับสนุนให้การดำเนินการครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ การดำเนินการครั้งนี้ จะไม่ส่งกระทบต่อฐานะการเงินและโครงสร้างทุน รวมถึงแผนการลงทุนของ CPN โดย CPN ยังคงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน และจะนำกระแสเงินสดสุทธิจากการต่อสัญญามาเดินหน้าสร้างการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ CPN มั่นใจที่จะร่วมสร้างโอกาสให้ CPNREIT เติบโตต่อเนื่องพร้อมกับ CPN ไปในระยะยาวด้วย