“แจ็ค แอนด์ จิล” ฉลองครบรอบ 30 ปี จัดเต็มการตลาดทุกมิติ ตอกย้ำผู้นำขนมเมืองไทย


เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของ Jack ’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) ในปีนี้ครบรอบ 30 ปีในการทำตลาดในประเทศไทย หนึ่งในผู้เล่นใหญ่ในตลาดขนม หนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ได้เตรียมจัดกิจกรรม Jack’n Jill 30 Fun Years ชีวิต มันส์ สนุก มาพร้อมกับการตลาดแบบครบวงจร ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10%

ฉลองครบรอบ 30 ปีอย่างแข็งแกร่ง Jack’n Jill (แจ็ค แอนด์ จิล) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวยอดนิยมในประเทศไทย มีแบรนด์ดังๆ ที่ถ้าพูดชื่อขึ้นมาต้องร้องอ๋อเป็นแน่ เช่น ฟันโอ, ทิวลี่, โรลเลอร์ โคสเตอร์, โลซาน, ดิวเบอร์รี่, ไดนาไมท์ และอีกมากมาย

ปัจจุบันแจ็ค แอนด์ จิลมีสินค้าในเครือฯ มากกว่า 15 แบรนด์ แบ่งเป็น 5 หมวดสินค้า ได้แก่ บิสกิต, เวเฟอร์, ขนมขบเคี้ยว, เค้ก และลูกอม โดยมีฮีโร่ โปรดักส์ อยู่ในตลาดบิสกิต และเวเฟอร์ ได้แก่ ฟันโอ และทิวลี่

ในปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 30 ปี บริษัทได้จัดกิจกรรม Jack’n Jill 30 Fun Years ชีวิต มันส์ สนุก เพื่อส่งมอบความสุข และความสนุกสนาน ตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยว ชูกลยุทธ์การตลาดครบวงจร อาทิ ผลิตภัณฑ์ใหม่ พรีเซนเตอร์ กิจกรรม และแคมเปญทางการตลาดสุดยิ่งใหญ่ตลอดปี เพื่อจับเทรนด์คนรุ่นใหม่ เจาะกลุ่มผู้บริโภค Gen Z และเอาใจสายกินทั่วประเทศ

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประเทศไทย ลาว และกัมพูชา บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี แจ็ค แอนด์ จิล มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าที่ดี และมีคุณภาพให้กับตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ซึ่งในปีนี้เราทำการปรับแผนกลยุทธ์ทางการตลาดครอบคลุม 360 องศาโดยทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท ติด Top 3 Advertisers ของบริษัทที่มีมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี อย่างยิ่งใหญ่ และเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น รวมถึงชูการใช้ชีวิต มันส์ สนุก ตามสโลแกน ‘Life is Fun’ และผลักดันการออกสินค้าที่มีนวัตกรรมสร้างสีสัน และความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมในตลาด อาทิ ฟันโอสแควร์, ทิวลี่ x ฟันโอ, โลซานทูโทน, โรลเลอร์โคสเตอร์ จัมโบ้ แบบแผ่นเรียบ, ลัช ซาวร์ นอกจากนี้ ยังสร้างความตื่นเต้นด้วยการออกไลน์สินค้าที่ Collab กับพันธมิตรชั้นนำเช่น ทิวลี่ x โอวัลติน และโรลเลอร์โคสเตอร์ x บาร์บีคิว พลาซ่า ฯลฯ”


ตลาดขนมฟื้นตัว เทรนด์สุขภาพมาแรง

สำหรับภาพรวมของตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยปี 2565 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 74,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 10% เรียกว่าเป็นตัวเลขที่มีการเติบโตมากกว่าปีก่อนๆ ที่เจอสถานการณ์ COVID-19 การเติบโตของตลาดมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็เริ่มกลับมา หลายกลุ่มสินค้าก็กลับมาเติบโตได้ดี

พร้อมคาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ ภาพรวมตลาดจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยบวกในหลายๆ ด้านรวมถึงมีผู้เล่นรายใหม่ส่งสินค้าเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ตลาดคึกคัก และเติบโตอย่างต่อเนื่อง

คุณฐานันท์เสริมอีกว่า ในช่วงที่ตลาดมีความซบเซา แต่แจ็ค แอนด์ จิล ยังทำผลงานได้ดีกว่าตลาด เนื่องจากเราคอยพัฒนา และปรับปรุงสินค้าให้ยังคงเป็นผู้นำตลาด มีการสร้างสีสันด้วยสินค้าใหม่ๆ เฉลี่ยปีละ 30-50 รายการ และเรายังทำสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย มีราคาที่เข้าถึงง่าย จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราเป็นโลคอลแบรนด์ มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมาก รู้อินไซต์ของผู้บริโภคว่าช่วงนี้ชอบอะไร สามารถนำมาพัฒนาได้ทันที ไม่ได้นำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นมาขาย ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้อย่างรวดเร็ว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์เรื่องการดูแลสุขภาพเป็นกระแสที่มาแรงมาก แจ็ค แอนด์ จิล จึงบุกตลาด Health & Wellness เต็มตัวในครึ่งปีหลัง พร้อมเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด แตกไลน์สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ “เล็คซัส (Lexus)” และ “โอ๊ต ครั้นช์ (Oat Krunch)” ซึ่งเป็นแบรนด์ยอดขายอันดับ 1 ในประเทศมาเลเซีย ชูจุดขาย Affordable premium บิสกิตที่ผลิตด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึง มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ อุดมด้วยสารอาหารที่สำคัญรสชาติอร่อย มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ

เป็นการเจาะตลาดในเซกเมนต์ Cookie และ Cracker โดยเฉพาะ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบไปเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา


อัดแน่นด้วยกิจกรรมตลอดทั้งปี

ในปีนี้มีการจัดหนักจัดเต็มด้วยการตลาดแบบ 360 องศา ด้วยงบการตลาด 300 ล้านบาท เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งในเรื่องการออกสินค้าใหม่, กิจกรรมการตลาด, สื่อโฆษณา และพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นการส่งมอบความสุข ความสนุกแก่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

แจ็ค แอนด์ จิล ได้ทำแคมเปญพิเศษแบบอัดแน่นจัดเต็มตลอด 12 เดือน ผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดียเป็นหลัก อาทิ  โรลเลอร์โคสเตอร์จัดแคมเปญ “กินไปมันส์ไปใช้ชีวิต Roller Coaster” มอบรางวัลใหญ่ป็นแพคเกจตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ไปใช้ชีวิตสุดมันส์นั่งโรลเลอร์โคสเตอร์ที่สวนสนุก Universal Studios ประเทศญี่ปุ่น สำหรับผู้โชคดีที่มียอดวิวบนแพลตฟอร์ม TikTok ตลอดแคมเปญทะลุ 20 ล้านวิว

และของขวัญพิเศษฉลองครบรอบ 30 ปีในปีนี้ คือ การกลับมาตามคำเรียกร้องของ “ฟันโอ” และ “ทิวลี่” ได้นำเอา “ฟันโอ 6 ชิ้น” กลับมาทำตลาดอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าสื่อสารจุดขายหลักอย่าง Variety of Flavors ที่มีให้เลือกถึง 11 รสชาติอย่างต่อเนื่องหวังครองใจผู้บริโภค ชูจุดขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า ถือว่าคุ้มค่าที่สุดในตลาด พร้อมกับ”ทิวลี่ ทวิน อร่อยฟิน 2 ชิ้น 2 บาท” ทั้ง 2 แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุด จากการรับฟังเสียงเรียกร้องของผู้บริโภค

พร้อมกับเปิดตัว 2 พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” พรีเซนเตอร์แบรนด์ฟันโอ และ “นนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์” พรีเซนเตอร์แบรนด์ทิวลี่

“แจ็ค แอนด์ จิล ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการด้านสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดเมืองไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ซึ่งการันตีด้วยรางวัลมากมาย อาทิ แบรนด์ฟันโอ กับรางวัล Thailand’s Most Admired Brand และ Market Leader Brand Award ครองบัลลังก์ความเป็น 1 ในใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยนิตยสาร BrandAge ประจำปี 2021 และรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2019-2020 รางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย ในหมวดหมู่สินค้ากลุ่มบิสกิตและแครกเกอร์ ฯลฯ ซึ่งรางวัลที่ได้รับเหล่านี้อันเป็นผลจากการสร้าง Brand Love ผ่านไลน์สินค้า และการทำแคมเปญทางการตลาดที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องภายใต้สโลแกน ‘ชีวิต มันส์ สนุก (Life is Fun)’ พร้อมสร้างความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์สู่การเป็นสินค้าอันดับ 1 ในใจของผู้บริโภคทั่วประเทศโดยเน้นกลยุทธ์ครองใจผู้บริโภคด้วยการสื่อสารเพื่อเน้น Engagement บนโซเชียลมีเดียต่างๆ ของแจ็ค แอนด์ จิล และแบรนด์ในเครือฯ และการนำเทคโนโลยี Dynamic QR Code มาสกรีนบนแพคเกจจิ้ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสาร ตลอดจนพูดคุยกับแบรนด์ได้แบบเรียลไทม์มากขึ้น เป็นต้น”


ตั้งเป้า Net Zero ในปี 2055

นอกจากในเรื่องสินค้า และแบรนด์แล้ว แจ็ค แอนด์ จิลยังให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลัก นับเป็นหนึ่งในพันธกิจที่มุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ในแต่ละปีด้วยเช่นกัน มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าสู่ความยั่งยืน (Sustainability)

ได้ตั้งเป้า Net-Zero GHG Emission ภายในปี 2055 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนด้วยการใช้พลังงานทดแทนจากการติดตั้ง Solar Roof ครอบคลุมทุกโรงงานแล้วเสร็จในปี 2021 และเสริมสร้างชุมชนด้วยแผนติดตั้งหลังคาโซลาร์ ให้กับ 10 โรงเรียน ภายในระยะเวลา 5 ปี

พร้อมเดินหน้าผลักดันสู่การเป็นองค์กร Great Place to Work ที่สะท้อนบรรยากาศการทำงานแบบ Fun Work Place ที่สะท้อนภาพองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคน รวมถึงให้ความสำคัญกับ Work Life Balance เพื่อส่งเสริมให้พนักงานทำงานด้วยความสุข สนุกกับการทำงาน

URC เป็นผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ปัจจุบันโรงงานทั้ง 6 แห่ง และคลังกระจายสินค้าได้ติดตั้ง Solar Roof ครบแล้ว ถ้าคำนวนเป็นตัวเลข สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 3,600 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 3 แสนต้น ส่วนขยะจะไม่ส่งไปฝังกลบ แต่จะส่งไปเผาทำลายเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า และการรีไซเคิล สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เกือบ 9,000 ตัน/ปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 7.53 แสนต้น รวมไปถึงแพ็คเกจจิ้งมากกว่า 50% ก็สามารถนำไปรีไซเคิลได้

สำหรับผลประกอบการของยูอาร์ซี (ประเทศไทย) ปี 2565 มีการเติบโตอยู่ที่ 10% สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า10-12% จากปีก่อน

ติดตามข้อมูลหรือสอบถามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ทาง www.urcthailand.com และ www.facebook.com/JacknJillThai