Viu ยังครองเบอร์ 2 แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในอาเซียน มีสมาชิกจ่ายเงินตามหลัง Disney+ Hotstar แต่ชนะ Netflix ได้

ภาพจาก Shutterstock
ศึก Video Streaming ในอาเซียนยังคงดุเดือด เมื่อ Viu ยังครองเบอร์ 2 แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในอาเซียน มีสมาชิกจ่ายเงินตามหลัง Disney+ Hotstar แต่ชนะ Netflix ได้ และล่าสุดบริษัทได้รับเงินลงทุนจากบริษัทบันเทิงจากฝรั่งเศส ซึ่งจะเตรียมขยายธุรกิจออกนอกเอเชียด้วย

รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ได้อ้างอิงข้อมูลจาก Media Partners Asia บริษัทวิจัยด้านสื่อบันเทิง ได้ชี้ว่า Viu แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอจากฮ่องกง ล่าสุดยังครองอันดับ 2 แซงหน้า Netflix เมื่อเทียบจำนวนสมาชิกที่จ่ายเงินให้กับแพลตฟอร์มทั้งหมด

ข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Viu มีสมาชิกแบบจ่ายเงินทั้งสิ้น 8.6 ล้านราย ขณะที่ Netflix มี 8.1 ล้านราย ขณะที่ Disney+ Hotstar นั้นมีสมาชิกแบบจ่ายเงินมากที่สุดในอาเซียนมากถึง 9.1 ล้านรายด้วยกัน

ถ้าหากเทียบสัดส่วนเวลารับชมแล้ว Netflix ยังครองตำแหน่งส่วนแบ่งอันดับ 1 ในอาเซียนที่ 44% ขณะที่อันดับ 2 คือ Viu ที่ 13% ขณะที่อันดับ 3 คือ True ID ครองส่วนแบ่ง 8% ขณะที่ Disney+ Hotstar กลับครองส่วนแบ่งอันดับ 4 ที่ 7%

ในปี 2021 ที่ผ่านมา Viu มีสมาชิกแบบจ่ายเงินมากกว่า 5 ล้านรายแล้ว และมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มมากถึง 49 ล้านคน ก่อนที่ตัวเลขล่าสุดจะมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเมื่อเดือนมิถุนายนมากถึง 66 ล้านคน

ในรายงานเดียวกันของ Bloomberg นั้นยังได้สัมภาษณ์ Janice Lee ซึ่งเป็น CEO ของ Viu หลังจากที่บริษัทได้รับเงินลงทุนเริ่มต้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (และเพิ่มได้ถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ) จาก Canal+ Group เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แลกกับการถือหุ้น 26.1% ซึ่งเธอได้กล่าวว่าได้เตรียมที่จะผลิตคอนเทนท์พรีเมี่ยม รวมถึงการขยายหาลูกค้าเพิ่มเติมในเอเชีย

ขณะที่ Jacques du Puy ผู้บริหารสูงสุดของ Canal+ International ได้กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทนั้นต้องการที่จะขยายตลาดนอกจากเวียดนามและพม่า ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไว้ ปัจจุบัน Canal+ ได้นำคอนเทนต์ของ Viu มาออกอากาศในเคเบิลทีวีในเวียดนามด้วย และเป้าหมายคือต้องการเป็นผู้เล่นรายสำคัญในเอเชีย

ไม่เพียงเท่านี้ CEO ของ Viu ยังได้กล่าวว่าเตรียมที่จะนำความเชี่ยวชาญของ Canal+ ที่จะขยายแพลตฟอร์มไปยังประเทศอื่นนอกทวีปเอเชียด้วย แต่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดแต่อย่างใด

ปัจจุบัน Viu มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดคือ PCCW บริษัทด้านโทรคมนาคมในฮ่องกง ซึ่งมีเจ้าของคือ Richard Li บุตรชายของ Li Ka-shing มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการ 16 ประเทศทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศแอฟริกาใต้