กางแผน ‘Jaspal’ รุกตลาด ‘อาเซียน’ กับหมุดหมายขึ้นเป็นผู้นำแบรนด์แฟชั่นของภูมิภาคใน 5 ปี

หากพูดถึงแบรนด์แฟชั่นที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีเชื่อว่าแบรนด์ ยัสปาล (Jaspal) จะเป็นหนึ่งในนั้น แต่ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ ยัสปาลเป็นแบรนด์ สัญชาติไทยแท้ ที่มีอายุกว่า 70 ปี และมีแบรนด์แฟชั่นที่คนไทยเห็นเป็นประจำอีกหลาย ๆ แบรนด์ไม่ว่าจะเป็น CPS CHAPS, CC DOUBLE O, LYN ซึ่งก็เป็นแบรนด์ในเครือยัสปาล และยัสปาลก็ไม่หยุดแค่ตลาดไทย แต่กำลังโหมรุกตลาดในภูมิภาคมากขึ้น

รู้จักยัสปาล

แบรนด์ ยัสปาล ก่อตั้งเมื่อปี 1947 โดยใช้ชื่อ ยัสปาล ซิงค์ ผู้ก่อตั้งเป็นชื่อแบรนด์ โดยจุดเริ่มต้นของยัสปาลไม่ได้มาจากธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น แต่เริ่มจากธุรกิจ เครื่องนอน โดยมีสาขาแรกอยู่ที่พาหุรัด จนมาปี 1972 ยัสปาลเริ่มก้าวมาสู่ธุรกิจแฟชั่น โดยเน้นที่การนำเข้าและรับสั่งตัด ต่อมาในปี 1978 ยัสปาลก็เปลี่ยนจากการนำเข้าอย่างเดียวมาสู่ตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ยัสปาล จนมาปี 1980 ก็แตกแบรนด์ CPS CHAPS มาในยุค 2000 ก็เริ่มแตกแบรนด์ใหม่มากขึ้น อาทิ LYN, CC DOUBLE O เป็นต้น

โดยปัจจุบัน ยัสปาลได้ถูกส่งต่อมาถึง Gen 4 แล้ว โดยยังทำใน 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ มีแบรนด์ทั้งหมด 19 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 10 แบรนด์ เช่น JASPAL, CC DOUBLE O, CPS CHAPS, LYN, lyn around เป็นต้น ส่วนที่เหลือเป็น Import Brand เช่น FRED PERRY, DIESEL, Superdry เป็นต้น

ส่วน กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน ภายใต้ In-house Brand และ Import Brand รวม 6 แบรนด์ ได้แก่ SANTAS, SANTAS HOME, STEVENS, Sealy, TEMPUR และ ETHAN ALLEN รวมทั้งหมด 25 แบรนด์ในบริษัทมีสินค้ากว่า 134,500 SKU และมีสาขาในไทยรวม 888 แห่ง

โหมบุกอาเซียน ขึ้นเป็นผู้นำใน 5 ปี

นับตั้งแต่ปี 2008 ยัสปาลได้ขยายไปยังประเทศ มาเลเซีย ซึ่งถือเป็นการรุกตลาดต่างประเทศครั้งแรก ก่อนจะขยายไปยังประเทศ กัมพูชา ในปี 2015 และ เวียดนาม ในปี 2017 รวมแล้ว โดยในปีที่ผ่านมา บริษัททำรายได้จากต่างประเทศ 675 ล้านบาท มีสาขาทั้งหมด 82 สาขา

โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 38 สาขา และในปี 2024 บริษัทจะขยายไปประเทศ ฟิลิปปินส์ และจะเพิ่มสาขาเพิ่มอีก 44 สาขา โดยยัสปาลมีเป้าหมายว่า ภายใน 5 ปีจะขึ้นเป็นผู้นำแบรนด์แฟชั่นของภูมิภาคอาเซียน

เรามองว่าแบรนด์เรามีศักยภาพในการเติบโตในต่างประเทศค่อนข้างเยอะ โดยเห็นได้จากนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าเราในไทย นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ก็ยังใกล้เคียงกัน” จรัญ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ ยัสปาล กรุ๊ป (JPC) กล่าว

หนึ่งในสาเหตุที่ยัสปาลเลือกฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยว GDP ที่เติบโต อีกทั้งได้โลเคชั่นที่ดี นอกจากนี้ ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงไทย โดยเบื้องต้น แบรนด์ LYN จะเป็นแบรนด์แรกที่เข้าไปเปิดตลาด เนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มกระเป๋า, รองเท้า, เครื่องประดับและน้ำหอม ซึ่งจะสามารถจับลูกค้าได้กว้างกว่าเสื้อผ้าเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องไซส์

เรามองว่าแบรนด์เรามีศักยภาพที่จะไปเจาะตลาดฟิลิปปินส์ได้ทุกแบรนด์ ทั้ง In-house และ Import ส่วนตลาดอื่นนอกเหนือจากอาเซียนก็กำลังศึกษาความเป็นไปได้ แต่เราอยากจะเน้นอาเซียนก่อน ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็ต้องศึกษาควบคู่กันไป”

ตลาดไทยยังไปได้

ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้า ในปี 2022 มีมูลค่า 302,751 ล้านบาท เติบโต 5.8% โดยคาดว่าภายใน 2027 จะมีมูลค่า 420,423 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2022-2027 ที่ 6.8% ส่วน อุตสาหกรรมเครื่องนอนและผ้าปูที่นอน ปี 2022 มีมูลค่า 5,310 ล้านบาท โต 2.8% และในปี 2023 คาดว่าตลาดจะมีมูลค่า 5,863 ล้านบาท และระหว่างปี 2022-2027 จะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.3%

โดยแผนการขยายธุรกิจจากนี้ยังคงเป็นการ ขยายสาขาและจุดจำหน่าย เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญ โดยในไทยมีสาขารวม 888 สาขา ปีนี้จะเพิ่มอีก 43 สาขา ในปีนี้ และ 64 สาขา ในปีหน้า มีการลงทุนใน ออนไลน์และออมนิชาแนล เพื่อให้ลูกค้าซื้อได้ง่าย ในส่วนของ การตลาดจะใช้ดารา, นักร้อง, เซเลบริตี้ระดับโลก เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ มีการนำ ดีไซน์เนอร์ระดับโลก ออกคอลเลกชั่นใหม่ ๆ รวมถึงการ นำเข้าแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็มพอร์ตฟอริโอให้กับแบรนด์

“ที่เราเติบโตได้เป็นเพราะประสบการณ์ที่มีกว่า 70 ปี ที่ทำให้เรามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมแฟชั่น และเราก็ไม่หยุดที่จะติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ซึ่งเราให้ความสำคัญกับทีมออกแบบและลงทุนกับทีมมาโดยตลอด ทำให้แต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครบทุกกลุ่ม และที่สำคัญและเราไม่หยุดที่จะขยายแบรนด์ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย”

แมสและพรีเมียม โอกาสเติบโตของยัสปาลในอนาคต

ยัสปาล ย้ำว่าเป็นแบรนด์ แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ดังนั้น ธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ยัสปาลก็เริ่มทำ เช่น CPS Coffee ซึ่ง จรัญ เผยว่า ยัสปาลกำลังศึกษาธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเป็น New S-curve ให้กับบริษัท ซึ่งจะได้ เห็นในปีหน้า แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ใน่สวนของตลาดแฟชั่น จรัญ มองว่าปัจจุบันยัสปาลเน้นทำตลาดในเซกเมนต์ แมสพรีเมียม เป็นหลัก แต่ยังไม่เคยเข้าไปในเซกเมนต์ แมส และ พรีเมียม ดังนั้น กลุ่มลักชัวรี่และแมส จะเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับยัสปาลในอนาคต

เรามีการศึกษาตลอดว่าจะไปเติมเต็มไลฟ์สไตล์ส่วนไหนได้อีกบ้าง ซึ่งเราไม่หยุดแค่นี้แน่นอน”

ยังครองตำแหน่งเบอร์ 1

ปัจจุบัน ยัสปาลยังเป็น เบอร์ 1 เมื่อเทียบกับ แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย โดยในปี 2022 มีส่วนแบ่งตลาด 10.5% (อ้างอิงจาก Euromonitor International) สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปี 2022 มีรวมรายได้อยู่ที่ 11,845 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 914.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2021 ที่มีรายได้รวม 9,153 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 221.47 ล้านบาท

ส่วนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2023 บริษัทมีรายได้รวม 2,932 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 242.99 ล้านบาท โดย 5 แบรนด์หลักที่มีสัดส่วนรายได้รวมเกิน 60% ได้แก่ Jaspal, CC Double O, CPS CHAPS, LYN และ Lyn Around

ทั้งนี้ สำหรับแผนการเข้า IPO ยัสปาลเปิดเผยว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะ IPO สู่ตลาดหลักทรัพย์ได้เมื่อไหร่