หลังดีมานด์ชาวจีนหดตัวจากสภาวะเศรษฐกิจ “Urban Revivo” แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นสัญชาติจีนคู่แข่ง “Zara” เตรียมสยายปีกเปิดช็อปในตลาด “สหรัฐฯ” เพื่อหานน่านน้ำใหม่ จากเดิมที่มีขายเฉพาะออนไลน์
“Zara” มีแผนปิดสาขาทั่วโลกรวมประมาณ 1,200 สาขาหลังจากเผชิญวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และจะหันมาทุ่มเทให้กับช่องทางอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม “Urban Revivo” คู่แข่งสัญชาติจีนที่น่าจับตามองของ Zara ไม่ได้คิดเช่นนั้น “Leo Li” ซีอีโอของ Fashion Momentum Group (FMG) บริษัทแม่ของร้าน Urban Revivo ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2006 เปิดเผยกับสำนักข่าว Nikkei Asia ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดหน้าร้านสาขาเพิ่มอีก และจะขยายไปเปิดในตลาด “สหรัฐฯ” รวมถึงกลับไปเปิดช็อปที่ “ลอนดอน” ประเทศอังกฤษอีกครั้ง
ปัจจุบัน Urban Revivo เปิดหน้าร้านไปกว่า 400 สาขาแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน และมีบางส่วนอยู่ในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย (*ในไทยมี 2 สาขา คือ ไอคอนสยาม และ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ) ส่วนตลาดตะวันตกนั้นแบรนด์มีขายเฉพาะบนออนไลน์
Li กล่าวว่า แผนในปี 2025 ร้าน Urban Revivo จะเปิดสาขาในต่างประเทศรวม 20 สาขา และในระยะยาวอาจจะมีการเปิดถึงปีละ 50 สาขาในต่างประเทศ
ซีอีโอ FMG ยังระบุด้วยว่า เป้าหมายของเขาคือการสร้างมูลค่าบริษัทให้ขึ้นไปถึง 13,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ก็ยังไม่สูงเท่ายักษ์ใหญ่ฟาสต์แฟชั่นอย่าง “Zara” ที่มีมาร์เก็ตแคปถึง 155,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ “H&M” ซึ่งมีมูลค่าบริษัทสูง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ปัจจุบัน Zara มีหน้าร้านอยู่ 2,000 สาขาทั่วโลก และ H&M มีประมาณ 3,800 สาขา
สำนักข่าว Bloomberg ยังรายงานเมื่อเดือนที่แล้วด้วยว่า บริษัท FMG มีแผนแล้วที่จะเข้าเปิด IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และคาดว่าจะระดมทุนได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ FMG หันมาสนใจตลาดสหรัฐฯ และยุโรป เป็นเพราะดีมานด์ในตลาดจีนเริ่มหดตัวลง และพบว่าสินค้าฟาสต์แฟชั่นจากเอเชียถือว่าไปได้สวยในตลาดตะวันตก ยกตัวอย่างเช่น Fast Retailing เจ้าของแบรนด์ Uniqlo รายงานว่าทำยอดขายได้อย่างแข็งแกร่งในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปในช่วงครึ่งปีแรก 2024
ส่วนยอดขายในจีนของ FMG กลับแย่ลงเพราะกำลังซื้อหด รวมถึงมีคู่แข่งที่ขายเฉพาะบนออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่โมเดลธุรกิจของ Urban Revivo เน้นการขายหน้าร้านมากกว่า
Damien Yeo นักวิเคราะห์จาก Fitch Solutions ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า โอกาสของ FMG ในสหรัฐฯ นั้นมีแนวโน้มที่ดี เพราะก่อนหน้านี้แบรนด์จีนอย่าง Shein และ Temu ก็ทำได้ดีในตลาดสหรัฐฯ มาแล้ว สะท้อนว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันเปิดใจยอมรับแบรนด์ตะวันออก อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในตลาดที่แข่งขันสูงมากในธุรกิจแฟชั่น เพราะมีคู่แข่งทั้งแบรนด์ในประเทศและจากต่างประเทศมากมาย
“นักช้อปอเมริกันมีความอ่อนไหวต่อราคาเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าบริษัทฟาสต์แฟชั่นน่าจะทำได้ดี เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคกำลังมองหาสินค้าที่ราคาต่ำลง เป็นข่าวดีของบริษัทกลุ่มนี้ซึ่งปกติราคาสินค้าจะเจาะกลุ่มตลาดแมสอยู่แล้ว” Yeo กล่าว
นอกจากนี้ เขายังมองว่าโมเดลธุรกิจที่อาศัยหน้าร้านเป็นหลักของ Urban Revivo น่าจะเป็นผลดีในเชิงความอ่อนไหวด้านชาติพันธุ์และการเมือง อาจจะไม่ถูกตั้งข้อกังวลในแบบที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ที่เน้นขายออนไลน์และเน้นลดราคาแข่งแบบ Shein และ Temu
- สืบชีวิต Chris Xu เจ้าของ Shein เรื่องเล่าของราชาฟาสต์แฟชั่นผู้ลึกลับ
- ช้อปปิ้งแบบ “Gen Z” ส่องเทรนด์แฟชั่นอินฟลูฯ บน “TikTok – IG” แล้วซื้อตามผ่านไลฟ์สด
ส่วนตลาดประเทศอังกฤษนั้น อันที่จริงแบรนด์ Urban Revivo เคยไปเปิดหน้าร้านในลอนดอนมาแล้วเมื่อปี 2018 ก่อนจะปิดสาขาไป อย่างไรก็ตาม การจะกลับไปเปิดครั้งนี้ก็น่าจะเจอความท้าทายอีก เพราะอังกฤษอยู่ในช่วงเกิดภาวะเงินเฟ้อและอาจจะมีผลกระทบต่อยอดขาย เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังในช่วงนี้