บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองเทรนด์การลงทุนปีหน้าว่าหุ้นไทยชนะหุ้นโลกได้ ให้เป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1560 – 1650 จุด แนะนำลงทุนหุ้นปันผลสูง โดยกลุ่มที่แนะนำลงทุนได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มโทรคมนาคม
วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนโค้งสุ
นอกจากนี้กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ยังมองว่าอีกสาเหตุสำคัญของหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่แย่คือปริมาณเงินตามความหมายแคบ (M2) ของไทยต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลทำให้สภาพคล่องในประเทศไทยลดลง
ขณะเดียวกันเขามองว่าในช่วงปลายปี เม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นประเทศต่างๆ ในเอเชียจะมีความผันผวนมากทั่วภูมิภาค
สำหรับปัจจัยบวกในการลงทุนในช่วงหลังจากนี้
- คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของหุ้นไทยเติบโตที่ 15% ในปี 2024 สู่ระดับ 113 บาทต่อหุ้น จากที่เติบโตติดลบ -5.4% ในปี 2023
- มีโอกาสมากกว่า 60% ที่ Fed Fund Rate ถึงจุดสูงสุดไปแล้วที่ 5.25-5.5% และมีโอกาสต่ำกว่า 40% ที่ Fed อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในช่วงเดือน ธ.ค. 2023
- ทาง ทรีนีตี้ คาดการณ์ GDP ไทยเติบโตที่ 3.6% ในปี 2024 เมื่อเปรียบเทียบกับ 3% ในปี 2023 ในขณะที่ประเทศอื่น เช่น จีน สหรัฐ Euro ต่างมีการเติบโตที่ถดถอยในปี 2024 เมื่อเปรียบเทียบ 2023
- ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มขึ้นอย่างมากต่อแนวโน้มอุปสงค์ภายในประเทศ สาเหตุหลักจากมาตรการลดค่าครองชีพและมาตรการกระตุ้นการบริโภค
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริง (เมื่อลบเงินเฟ้อแล้ว) หรือ Real Bond Yields ของไทยจะสูงกว่าของสหรัฐฯ เกือบ 0.5% ค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้น
ทางด้านของปัจจัยลบในการลงทุนนั้น เช่น อัตราผลตอบแทนเงินปั
ขณะที่ปี 2024 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ยังมองตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวก เนื่องจากมูลค่าของตลาดหุ้นไทยถูกสุดในรอบ 15 ปี (ในเทอม PBV) และมองว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยทำจุดสูงสุดไปแล้ว อาจมีการปรับลดดอกเบี้ยในกลางปีหน้าได้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าหุ้นไทยในปีหน้าจะชนะผลตอบแทนหุ้นโลกได้
ตรงข้ามกับตลาดพันธบัตรของไทยในปี 2024 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดว่านักลงทุนอาจทำการขายออก เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลอินเดียเข้ามาอยู่ในดัชนีพันธบัตรรัฐบาลของ J.P. Morgan Government Bond Index ทำให้สัดส่วนของไทยที่แต่เดิมอยู่ที่ 10% ลดลงเหลือแค่ 8% เท่านั้น คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกราวๆ 170,000 ล้านบาท
สำหรับธีมการลงทุนในไตรมาส 4 นี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลในอนาคตสูง และค่า P/E ต่ำ รวมถึงเป็นหุ้นที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด โดยกลุ่มที่แนะนำลงทุนได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มโทรคมนาคม