หลังจากที่ทั่วโลกเกิดการระบาดของ COVID-19 แพลตฟอร์ม ‘อีคอมเมิร์ซ’ ก็เติบโตอย่างมากหลัก 100% และแม้ว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติแล้วก็ตาม แต่ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังเติบโตได้ถึง 16% ขึ้นแท่น Top 5 ประเทศที่มีการเติบโตสูงสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการช้อป ออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ใช้ Laz Game ตรึงผู้ใช้
มาริสา ยูนิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ ลาซาด้า ประเทศไทย ยอมรับว่า เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลายและมีการเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว ทำให้ความท้าทายของ ลาซาด้า คือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเอนเกจและ อยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาซื้อของที่ต้องการแล้วไป
ดังนั้น ลาซาด้าจึงดันฟีเจอร์ ลาซเกม (Lazgame) ผ่านกลยุทธ์เกมมิฟิเคชัน (Gamification) มาสร้างประสบ การณ์การช้อปปิงออนไลน์ เพื่อตรึงผู้ใช้ให้อยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น และมีส่วนร่วมมากขึ้น โดย มาริสา ยอมรับว่า เกมไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีมานานแล้ว และคู่แข่งก็มี แต่มั่นใจว่าจุดแตกต่างของลาซาด้าคือ สิทธิประโยชน์ที่ มากกว่า โดยการเล่นเกมจะทำให้ผู้ใช้ได้ ลาซคอยน์ (LazCoin) ซึ่งสามารถไปแลกเป็น คูปองส่วนลด ได้
“เมื่อก่อนเรามีคูปองให้เขามาเก็บ เขาก็มาเก็บตามเวลาแล้วก็ไม่มีเอนเกจอะไร แต่หลังจากที่เรามีเกมให้เขาเล่น เราพบว่า 80% ของคนเล่นเกมกลับมาใช้งานทุกสัปดาห์ และอยู่นานขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับนักช้อปทั่วไป ดังนั้น เกมช่วยให้อยู่นานขึ้น มีเอนเกจ และมีแนวโน้มที่จะมีลอยัลตี้มากกว่า”
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ลาซเกมยังเพิ่มโอกาสให้ลาซาด้าทำกิจกรรมร่วมกับ แบรนด์ โดยแบรนด์สามารถเข้ามา เป็นสปอนเซอร์หรือทำการตลาดกับลาซเกมได้ อย่างเช่น เกม LazLand ที่ให้รางวัลเป็น ข้าวหอมมะลิทองฟรี 1 ถุง ซึ่งก็ได้การสนับสนุนจากแบรนด์ข้าว เป็นต้น
ปัจจุบัน ลาซเกมมีทั้งหมด 3 เกม ได้แก่ GoGoMatch และ Merge Boss ซึ่งเป็นเกมที่มีเหมือนกันทั้ง 6 ประเทศได้ ส่วนเกม LazLand เป็นเกมที่พัฒนาโดยลาซาด้า ประเทศไทย
ขยายเวลา 11.11 เป็น 3 วัน
สำหรับแคมเปญ 11.11 ที่เป็นเมกะแคมเปญของลาซาด้า ปีนี้ได้ขยายเวลาเพิ่มเป็น 3 วัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักช้อป เพราะจากผลสำรวจพบว่า นักช้อปมีความตั้งใจซื้ออยู่แล้ว โดยเฉพาะ สินค้าที่มีราคาสูง เช่น หมวดบิวตี้และสินค้าไอที นอกจากนี้ ลาซาด้ายังสร้างอแวร์เนสด้วยกิจกรรม Online To Offline โดยจะมีอีเวนท์ออฟไลน์ที่สยามพารากอน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 12 พฤศจิกายน ควบคู่ไปกับกิจกรรมออนไลน์
“เรามีแคมเปญดับเบิ้ลเดย์ใหญ่ เช่น 3.3, 6.6, 9.9 แต่ 11.11 และ 12.12 ถือเป็นแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี และเป็นแคมเปญที่มีเม็ดเงินใหญ่สุด เพราะเป็นช่วงที่คนหาซื้อของขวัญ ทำให้สินค้าที่ขายดีในช่วงนี้เป็นสินค้าที่มีราคาสูง ส่วนสินค้าขายดีช่วงอื่น ๆ ก็จะเป็นตามเทรนด์ เช่น หม่าล่า หรือ Arts Toy”
เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ค้นด้วยรูป
ชยพร ลัทธิโสภณกุล ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ปีนี้ลาซาด้ามีฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาสินค้าและช่วยให้นักช้อปตัดสินใจซื้อได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น อาทิ
- Image Search: ฟีเจอร์ Image Search ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยค้นหา โดยนำรูปภาพไอเท็มที่ต้องการมา สแกน หรือถ่ายรูปผ่านแอปลาซาด้า ผลการค้นหาก็จะแนะนำไอเท็มที่ใกล้เคียงกันมาให้ ซึ่งผลการสำรวจ พบว่า นักช้อปไทยถึง 92% ตัดสินใจซื้อสินค้าที่พวกเขาพบจากฟังก์ชันค้นหาบนแอปลาซาด้า1
- Put in My Home: ฟีเจอร์ใหม่บน LazHome ใช้นวัตกรรม Augmented Reality เข้ามาช่วยให้นักช้อปสามารถทดลองวางเฟอร์นิเจอร์และไอเท็มตกแต่งบ้านอื่น ๆ ในห้องบนภาพพื้นที่จริง โดยฟีเจอร์นี้จะวางภาพสินค้าซ้อนทับลงบนภาพสถานที่จริงจากกล้องบนสมาร์ทโฟน