วัยรุ่นจีนเข้าสอบรับราชการทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 3 ล้านคน หวังที่จะได้งานทำ ภายใต้อัตราการว่างงานที่สูง

ภาพจาก Unsplash
อย่างที่เราทราบกันดีว่าจีนกำลังประสบปัญหาวัยรุ่นมีอัตราว่างงานที่สูงมากกว่า 20% ล่าสุดวัยรุ่นจีนเข้าสอบรับราชการทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 3 ล้านคน หวังที่จะได้งานทำ ภายใต้สภาวะที่แม้จะมีรายได้น้อยกว่าการทำงานภาคเอกชน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ

สำนักข่าว Reuters และ Global Times สื่อในประเทศจีน ได้รายงานถืงการเข้าสอบบรรจุรับราชการในประเทศจีนในปีนี้มีวัยรุ่นได้สมัครเข้าสอบมากถึง 3 ล้านคน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ โดยวัยรุ่นจีนนั้นกำลังประสบปัญหาอัตราการว่างงานที่ทำสถิติสูงสุดในช่วงกลางปี ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 พฤศจิกายน) รัฐบาลจีนได้จัดสอบบรรจุรับราชการในรอบปีนี้ โดยมีการจัดสอบมากถึง 237 เมืองทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดตำแหน่งงานใหม่มากถึง 39,600 ตำแหน่ง ถือเป็นอัตราสูงสุดใหม่เช่นกัน

Global Times รายงานถึงตำแหน่งงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ตำแหน่งในทีมสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ซึ่งต้องทำงานในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ตำแหน่งดังกล่าวเปิดรับเพียงแค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้น แต่มีวัยรุ่นจีนสมัครงานในตำแหน่งดังกล่าวมากถึง 3,572 คน

ถ้าหากคิดเป็นอัตราส่วนรวมๆ แล้ว การสอบบรรจุเข้ารับราชการในปี 2023 มีการแข่งขันระหว่างวัยรุ่นจีนถึง 77 คน เพื่อแย่งชิงการเข้ารับราชการของจีน 1 ตำแหน่ง

ตัวเลขการเข้าสอบบรรจุรับราชการในประเทศจีนได้เพิ่มมากขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาวะตลาดแรงงานในแดนมังกรได้ไม่น้อย โดยอัตราการว่างงานของวัยรุ่นจีนพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนทำให้ในเดือนสิงหาคมสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนไม่ประกาศตัวเลขดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน

ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Weibo รายหนึ่งกล่าวถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจ ในขณะที่โพสต์เกี่ยวกับการสอบราชการพุ่งสูงขึ้นโดยมองว่า ในท้ายที่สุดแล้ว สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปถือว่าไม่ดีนัก

นอกจากนี้ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มดังกล่าวได้กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ในขณะที่บริษัทเอกชนได้เลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และปิดตัวลงจำนวนมากเช่นกัน ทำให้ต้องเลือกเป็นข้าราชการ แม้ว่าจะรายได้น้อย แต่อย่างน้อยก็ไม่ว่างงานจนอดตาย

ที่มา – Reuters, Global Times