KBank Private Banking ชี้ปีหน้าเศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ แนะจัดพอร์ตการลงทุนเน้นเรื่องความเสี่ยงเป็นหลัก

Photo : Shutterstock
KBank Private Banking มองมุมการลงทุนและสภาวะเศรษฐกิจในปี 2024 นั้น เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ และอาจได้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็แนะจัดพอร์ตการลงทุนเน้นเรื่องความเสี่ยงเป็นหลัก และแนะนำให้นักลงทุนชาวไทยถึงการลงทุนในต่างประเทศยังเป็นเรื่องสำคัญ

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในปี 2023 นี้แม้จะมีข่าวร้ายรายวันเกิดขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นข่าวร้ายภายในประเทศไทย รวมถึงหุ้นไทย แต่ถ้าหากหันมามองภาพใหญ่แล้วนั้นปีนี้ดัชนีหุ้นโลก (MSCI World Index) นั้นให้ผลตอบแทนถึง 17.18%

แต่จิรวัฒน์ได้ชี้ว่าผลตอบแทนนั้นถ้าหากหักหุ้น 7 ตัวที่ทำผลงานได้ดีอย่างเช่น Tesla, Nvidia, Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon รวมถึง Meta ออกไปแล้ว ดัชนีหุ้นโลกจะมีผลตอบแทนแค่ 9.51% เท่านั้น

ถ้าหากข้ามฝั่งมาดูผลตอบแทนตลาดหุ้นอื่นๆ นั้น ในทวีปเอเชีย หุ้นญีปุ่นให้ผลตอบแทนมากถึง 30% ในรูปแบบเงินเยน แต่ถ้าหากคิดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ อาจเหลือแค่ 15% เท่านั้น ขณะที่หุ้นจีนไม่ว่าจะเป็นทั้ง A-Share หุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในแผ่นดินใหญ่ กับดัชนีฮั่งเส็ง กลับทำผลงานไม่ดีนัก รวมถึงหุ้นไทยด้วย

ทางด้านสินทรัพย์อื่น อย่างหุ้นกู้เอกชนทั่วโลก ปีนี้ให้ผลตอบแทน 5% พันธบัตรรัฐบาล 0% ขณะที่ทองคำให้ผลตอบแทน 11% ขณะที่น้ำมันดิบให้ผลตอบแทน -9%

สำหรับมุมมองเศรษฐกิจในปี 2024 ทาง KBank Private Banking ได้มองแนวโน้มของเศรษฐกิจ ได้แก่

  • เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถเลี่ยงภาวะถดถอย ยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่จีนกำลังรอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
  • เงินเฟ้อจะลดลง ธนาคารกลางจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หรือครึ่งหลังของปี 2024
  • ตลาดจะจับตาประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ รวมทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

ในส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนนั้น KBank Private Banking ได้แนะนำให้เงินลงทุนส่วนใหญ่ (50-70%) ให้ลงทุนเป็นพอร์ตหลักในกองทุนผสมแบบ Risk-based asset allocation

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ – Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย

ขณะที่เงินลงทุนในพอร์ตเสริม (30-50%) ให้กระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยรับที่สูงกว่าอดีตและโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลง ในส่วนของตลาดหุ้นยังมีความ  ท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงควรเน้นกองทุนที่บริหารเชิงรุกในหุ้นเติบโตทั่วโลกรวมถึงหุ้นเอเชียที่ราคาถูกกดดันมามากทั้งในตลาดหุ้นไทย จีน อินเดีย รวมทั้งเวียดนาม

สำหรับการลงทุนในกองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Funds) จะช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่ไม่อิงกับภาวะตลาด แต่ควรเน้นสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลหลัก

นอกจากนี้ในปี 2024 ยังมีปัจจัยบวกที่เหมาะกับการลงทุนที่ KBank Private Banking มองคือ ยุคการลงทุนอย่างหนัก (Capex Boom) ซึ่งมีทั้งการลงทุนในพลังงานสะอาด หรือการลงทุนใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นในการลงทุนได้

Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในต่างประเทศนั้นมีความสำคัญ และมองว่านักลงทุนเองจะต้องเปิดมุมมองให้กว้างมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจิรวัฒน์ชี้ว่าเม็ดเงินของนักลงทุนในระดับมหาเศรษฐีนั้นจะกลับมาที่ประเทศไทยจากนโยบายภาษี แต่เม็ดเงินดังกล่าวก็ยังลงทุนในต่างประเทศเหมือนเดิม

ในส่วนของธุรกิจ KBank Private Banking ปี 2023 มีลูกค้าทั้งสิ้น ปัจจุบันมี 13,269 ราย เติบโต 2% และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ 857,251 ล้านบาท

ทิศทางธุรกิจในปี 2024 ของ KBank Private Banking นั้นยังคงพัฒนาบริการและสานต่อโซลูชัน 4 เสาหลัก ที่ประกอบไปด้วย การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว โดยคาดว่ารายได้ในปี มองรายได้ในปี 2024 จะเติบโต 15-20% จากปี 2023