- “Chery Group” มีความแตกต่างจากบริษัทรถยนต์จีนบริษัทอื่น ๆ เน้นการส่งออกเป็นหลัก โดยในปัจจุบันได้ส่งออกรถยนต์ไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานในต่างประเทศมากกว่า 10 แห่งและตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง
- การกลับมาทำตลาดในประเทศไทยในครั้งนี้ Chery Group ดำเนินการเองไม่ผ่าน Distributor เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคน
- มีการเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ใหม่ ภายใต้ Chery Group ในชื่อแบรนด์ OMODA และ JAECOO ที่มีเป้าหมายในการทำตลาดทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
หากพูดถึงตลาดการผลิตรถยนต์ทั่วโลก ประเทศจีนถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียนตรกรรมที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง “Chery Group” บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับต้น ๆ ของจีน ซึ่งในเดือนธันวาคม 2023 ถือเป็นการครบรอบ 27 ปีของ Chery Group วันนี้จึงชวนทุกคนย้อนดูความสำเร็จตลอดเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านของของบริษัท ยานยนต์สัญชาติจีนยักษ์ใหญ่นี้
จุดเริ่มต้นของ Chery Group ย้อนไปตั้งแต่ปี 1997 ในชื่อ Anhui Auto Parts Industry ที่ผลิตเครื่องยนต์เป็นหลัก จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา ในนามของ Chery Automotive ได้ผลิตรถยนต์ครั้งแรกในวันที่ 18 ธันวาคม 1999 ซึ่งรถรุ่นแรกของ Chery Group ขายได้ราว 30,000 คัน ในประเทศจีน จากนั้น Chery Group ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักและเปิดตัวต่อสายตาชาวโลกในฐานะองค์กรลูกผสมระหว่างธุรกิจของรัฐและสตาร์ทอัพคนรุ่นใหม่ ซึ่งในปี 2001 Chery Group ได้เริ่มส่งออกรถยนต์ไปยังต่างประเทศครั้งแรก
ในปี 2007 หลังจากเริ่มจำหน่ายรถยนต์ได้ไม่ถึง 8 ปี Chery Group ได้จำหน่ายรถไปแล้ว 1,000,000 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติการพัฒนาที่รวดเร็วที่สุดของจีนและทั่วโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนั้น กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่มีประสิทธิภาพและกำลังการผลิตมากที่สุดอันดับ 7 และขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (passenger car) รายใหญ่ที่สุดของจีน
ในปี 2022 Chery Group ประสบความสำเร็จอีกขั้น ด้วยยอดขายรถยนต์มากกว่า 1.2 ล้านคัน ส่งออกราว 5 แสนคันทั่วโลก และในปี 2023 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเกินกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมียอดขายทะลุ 2 ล้านคันทั่วโลก และในปี 2024 ที่จะถึงนี้ Chery Group มีเป้าหมายในการขายมากกว่า 3 ล้านคัน ทั่วโลก พร้อมเปิดตลาดในประเทศอังกฤษ และอเมริกา
ข้อแตกต่างสำคัญของ Chery group กับแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนอื่น ๆ คือ Chery group เป็นบริษัทรถยนต์จีนบริษัทแรกที่มี R&D Center ในต่างประเทศ ที่จะพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาค นอกเหนือจากการพัฒนาตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า พร้อมกับพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่เสมือนเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องยนต์ที่เป็นส่วนประกอบหลักของรถ (Engines) ระบบส่งกำลัง (Transmission) และช่วงล่างแชสซี (Chassis) ทำให้ Chery Group เป็นบริษัทผลิตยานยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีระดับโลก
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษ Chery Group ได้กลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอันดับต้น ๆ ของจีน คว้ารางวัล Top 20 Best Overseas Image Enterprises โดย SASAC (State-owned Assets Supervision and Administration Commission) และ CICG (China International Communications Group) จากการคัดเลือก 5 ครั้งติดต่อกัน และในรายงานของ Kantar BrandZ เกี่ยวกับ 50 บริษัทผู้ผลิตสัญชาติจีนในปี 2023 Chery Group คว้าอันดับหนึ่งในหมวดยานยนต์ และจากดัชนีด้านยานยนต์ของ J.D. Power ในปี 2023 Chery Group ครองตำแหน่งสูงสุดใน IQS (Initial Quality Study) ในบรรดา แบรนด์ต่าง ๆ สัญชาติจีน และรถยนต์ของ Chery Group ต่างก็ได้รับอันดับหนึ่งในกลุ่มของเซกเมนต์นั้น ๆ
ในช่วงกลางปี 2023 ในงาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition ครั้งที่ 20 (Auto Shanghai 2023) ได้เปิดตัว แบรนด์รถยนต์ใหม่ ภายใต้ Chery Group ในชื่อ OMODA และ JAECOO ซึ่งเป็นการพัฒนาแบรนด์รถยนต์สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและดีไซน และควบรวมกับ เทคโนโลยีล่าสุดของ Chery Group
โดยรถยนต์ที่เปิดตัวเป็นรุ่นแรกคือ OMODA 5 EV รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต ในขณะที่แบรนด์ JAECOO ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาของธรรมชาติ เรียบหรู น่าเกรงขาม เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสุดทรงพลังที่สามารถขับขี่ได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ ผ่านการออกแบบภายในที่มีความประณีต ความซับซ้อน และแข็งแรง
สำหรับในปี 2024 ที่จะถึงนี้ Chery Group พร้อมแล้วที่จะเข้ามาให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค พร้อมกับนำรถยนต์ OMODA 5 EV และ JAECOO มาให้ผู้ขับขี่ชาวไทยได้เตรียมเป็นเจ้าของกัน และการกลับมาครั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะลงทุนสร้างโรงงานและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคนี้อีกด้วย
Related