ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานขึ้นในช่วงสิ้นปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในรอบปีนี้ หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับตัวลง ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และที่สำคัญกลุ่มเทคโนโลยี
แม้ว่าหุ้นของตลาด Nasdaq จะร่วงลง 83.78 จุดหรือ 0.6% แต่ภาพรวมทั้งปียังมีกําไรมากกว่า 43% ซึ่งเป็นผลการดําเนินงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งกําไรของตลาดส่วนใหญ่แรงหนุนจากกลุ่มบริษัทที่เรียกว่า Magnificent 7 ได้แก่
- Apple
- Microsoft
- Alphabet
- Amazon
- Nvidia
- Meta
- Tesla
ด้วยหุ้นของบริษัทเหล่านี้คิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของกําไรใน S&P 500 ในปีนี้ โดยเฉพาะจาก Nvidia เป็นผู้นํากลุ่มด้วยกําไรประมาณ 239% เนื่องจากปีนี้เป็นปีแห่งเอไอ ทำให้ผู้จำหน่ายระบบคลาวด์รายใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับทุนสนับสนุนจำนวนมาก เข้าซื้อหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของบริษัท ซึ่งจำเป็นสำหรับการฝึกอบรมและใช้งานโมเดลเอไอ ขั้นสูง
นอกจากนี้ ก็มีหุ้นของ Amazon เพิ่มขึ้น 81% ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 ด้านหุ้นของ Microsoft ก็เติบโตขึ้น 58% เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนใน OpenAI ขณะเดียวกัน Microsoft ก็สร้างผลกำไรในอัตราที่เป็นประวัติการณ์ โดยในรายงานผลประกอบการล่าสุด Microsoft ระบุว่าอัตรากำไรขั้นต้นเกิน 71% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013