Netflix จับมือกับ WWE โดยเตรียมถ่ายทอดสดศึกมวยปล้ำ Raw เริ่มต้นใน สหรัฐฯ แคนาดา ลาตินอเมริกา ปี 2025 ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ตามมาภายหลัง ดีลดังกล่าวแสดงให้เห็นความเคลื่อนไหวว่ายักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายนี้เอาจริงเอาจังกับการถ่ายทอดสดกีฬาแล้ว
WWE ศึกมวยปล้ำชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเซ็นสัญญากับ Netflix ในการนำรายการมวยปล้ำชื่อดังอย่าง Raw มาถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายดังกล่าว และดีลดังกล่าวยังจะขยายความร่วมมือในการถ่ายทอดสดรายการอื่นๆ หลังจากนี้ด้วย
ดีลที่ทั้งสองฝ่ายเซ็นร่วมกันมีอายุสัญญา 10 ปี โดยจะเริ่มต้นจากการถ่ายทอดสดศึก WWE Raw ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงหลายประเทศในลาตินอเมริกา ก่อนที่จะขยายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกหลังจากนี้ และดีลดังกล่าวจะทำให้ผู้ชมนอกสหรัฐอเมริกานั้นสามารถติดตามศึกมวยปล้ำของ WWE ได้มากกว่าเดิม
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับดีลนี้ได้กล่าวว่า ดีลดังกล่าว Netflix ได้ทำข้อตกลงมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐกับ WWE สอดคล้องกับแหล่งข่าวของ Variety ที่ได้กล่าวว่าดีลดังกล่าวนั้นมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
การเซ็นสัญญากับ Netflix ของ WWE มาในช่วงจังหวะที่สัญญาเดิมที่ทำไว้กับ Comcast เจ้าของช่องทีวีในสหรัฐอเมริกากำลังจะหมดลง ซึ่งดีลดังกล่าวมีมูลค่าราวๆ 250-260 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
Bela Bajaria เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารด้านคอนเทนต์ของ Netflix ได้กล่าวว่าบริษัทมีความตื่นเต้นที่จะได้ถ่ายทอดสดรายการ WWE Raw บนแพลตฟอร์มของ Netflix เนื่องจากมีฐานแฟนคลับต่างวัยมากมาย และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกัน
ในช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งหลายรายได้เริ่มถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Amazon Prime ที่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาในหลายประเทศ Peacock ของ Comcast ที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ หรือแม้แต่ Apple TV ที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกของสหรัฐอเมริกาอย่าง MLS เป็นต้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า Netflix เริ่มเอาจริงเอาจังกับการเข้ามาถ่ายทอดสดกีฬาเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้บริษัทได้ลองเชิงในการถ่ายทอดสดกีฬากอล์ฟ โดยนำนักแข่ง F1 เข้ามาร่วมรายการ เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้บริหารของบริษัทจะไม่สนใจในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาเลยก็ตาม
ทางด้านฝั่งของ WWE การจับมือกับ Netflix ยังแสดงให้เห็นถึงภาวะขาลงของเครือข่ายทีวีบอกรับสมาชิกในสหรัฐอเมริกาที่กำลังมีจำนวนลดลง สวนทางกับแพลตฟอร์มวิดีโอสตีมมิ่งที่มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าของศึกมวยปล้ำยังสามารถขยายฐานแฟนคลับทั่วโลกได้ด้วย