สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) สถาบันการเงินรายใหญ่จากอังกฤษ มีแผนที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น ล่าสุดกำลังพิจารณาที่จะแผนแยกธุรกิจวาณิชธนกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Standard Chartered กำลังพิจารณาแผนแยกธุรกิจวาณิชธนกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่ เพื่อที่จะเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของสถาบันการเงินรายดังกล่าวได้ตกลงมาโดยตลอด
Bill Winter ซึ่งเป็น CEO ของ Standard Chartered กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะแยกธุรกิจวาณิชธนกิจออกมาจากกลุ่มธุรกิจการธนาคารสำหรับสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดีในการแยกธุรกิจดังกล่าวออกมานั้นอาจมีการปรับลดพนักงานด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา Standard Chartered ประสบปัญหาในการตั้งสำรองหนี้เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อให้กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (CRE) ในประเทศจีนจำนวนมาก ซึ่งรายได้จากจีนและฮ่องกงคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมดที่สถาบันการเงินรายนี้ทำได้
ปัญหาดังกล่าวยังทำให้ราคาหุ้นของ Standard Chartered เมื่อนับจากต้นปี 2024 นั้นตกลงไปแล้วถึง 13.35% และถ้าหากนับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาราคาหุ้นตกไปแล้วไม่น้อยกว่า 30%
แผนการของ Standard Chartered คือต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ให้ได้มากกว่า 10% ภายในสิ้นปี 2024 อย่างไรก็ดีแผนการดังกล่าวยังช้ากว่าคู่แข่งอย่าง HSBC ที่มีอัตราส่วนดังกล่าวมากกว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2023 แล้ว
ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา Standard Chartered ได้จ้าง CFO รายใหม่ซึ่งเคยทำงานเป็นวาณิชธนกรให้กับ Bank of America และเคยนั่งเป็นคณะกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร (Non-Executive Director) ของสถาบันการเงินในอิตาลีอย่าง Unicredit โดยการจ้าง CFO รายใหม่นี้เพื่อที่จะปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อที่จะเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ดีโฆษกของ Standard Chartered ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวกับ Bloomberg นอกจากนี้แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวยังชี้ว่าแผนการดังกล่าวมีความเป็นไปได้หลายแนวทาง รวมถึงยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย