การวิจัยใหม่ระบุว่า จีนและรัสเซีย ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอันดับแรก ๆ ในสายตาของประชากรชาวตะวันตก เนื่องจากความกังวลความเสี่ยงที่ไม่เหมือนเดิม เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานของมวลชน และศาสนาอิสลามหัวรุนแรง
ผลการสำรวจจากดัชนีความปลอดภัยของมิวนิกปี 2024 เผยให้เห็นว่า การรับรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยแบบดั้งเดิมยังคงสูงกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ถือว่าลดลงจากปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่รัสเซียรุกรานยูเครน อีกทั้งผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในประเทศตะวันตกมองว่า จีนและมหาอำนาจอื่น ๆ จากซีกโลกใต้จะมีอำนาจมากขึ้นในทศวรรษหน้า ในขณะที่มหาอำนาจตะวันตกมีแนวโน้มที่จะถดถอยลง
โดยจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน 12,000 คนทั่วประเทศ G7 รวมถึง บราซิล อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ พบว่า มีเพียงผู้ตอบแบบสอบถามชาวตะวันตกเพียงไม่กี่คนที่เชื่อว่า ประเทศของพวกเขาจะปลอดภัยและมั่งคั่งมากขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า ในทางตรงกันข้าม ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่วนใหญ่คิดว่าตนเองจะมีฐานะทางการเงินและการเมืองที่ดีกว่า
แม้ว่า รัสเซีย จะเป็นภัยคุกคามอันดับต้น ๆ สำหรับกลุ่มประเทศ G7 ในปีที่แล้ว แต่ตามการศึกษาที่ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2566 พบว่า ความเสี่ยงส่วนใหญ่ที่รับรู้เหล่านั้นลดลงนับตั้งแต่นั้น โดยมีเพียงพลเมืองจาก สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น เท่านั้นที่ยังคงถือว่า รัสเซียมีความเสี่ยงสูงสุดในปีนี้ ในขณะที่ เยอรมนีและอิตาลี ผ่อนคลายความกังวลลงอย่างมาก รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์และการหยุดชะงักของการจัดหาพลังงานที่ลดลง
นอกจากนี้ ในสายตากลุ่มประเทศ G7 จำนวน 5 ประเทศ จีน ถูกมองในแง่ดีมากกว่าปีที่แล้ว โดยมีเพียง แคนาดาและญี่ปุ่น ที่ยังมองว่า จีนเป็นภัยคุกคามอยู่ ที่น่าสังเกตก็คือ ผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนมองว่า ทุกประเทศนอกเหนือจากรัสเซียและเบลารุสเป็นภัยคุกคามมากกว่าเมื่อก่อน นอกจากนี้ จีนยังเป็นประเทศเดียวที่ระบุว่า “สหรัฐฯ เป็นภัยคุกคาม”
อย่างไรก็ตาม การรับรู้ถึงความเสี่ยงที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ โดย ผู้คนทั่วโลกแสดงความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงของการอพยพย้ายถิ่นอันเป็นผลจากสงครามหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และกลุ่มอาชญากรรม โดยปัญหาสิ่งแวดล้อมติดอันดับสามอันดับแรกในทุกประเทศยกเว้นสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ภัยคุกคามจากอิสลามหัวรุนแรง ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามมากขึ้น แม้ว่าผู้เขียนรายงานตั้งข้อสังเกตว่าความรู้สึกส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในยุโรปและอเมริกาเหนือ และน่าจะเป็นผลมาจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ในขณะเดียวกัน ปัญหาด้าน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นความเสี่ยงสูงสุดในจีนและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากทั้งสองประเทศยกระดับข้อจำกัดของตนในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอำนาจทางเทคโนโลยี