เปิด 6 เทรนด์การตลาดจาก ‘MAAT’ ปีแห่งกีฬา, AI และสื่อ Out of home

หลังจากที่เอเจนซี่หลายรายคาดการณ์ถึงเม็ดเงินและเทรนด์การตลาดปี 2024 นี้ไปแล้ว คราวนี้ก็ถือคิวของ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) ที่มองว่าปีนี้ตลาดน่าจะโตได้ 2.6% โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจาก สื่อออนไลน์และสื่อนอกบ้าน (Out of home) ขณะที่ภาพรวมสื่อจะแพงขึ้นประมาณ 7% ในปีนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ 6 เทรนด์การตลาดปี 2024 ที่ MAAT คาดการณ์ไว้ มีอะไรบ้าง Positioning สรุปไว้ให้แล้ว

TV Convergence

แม้ว่าเม็ดเงินโฆษณาของทีวีจะลดลงเรื่อย ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีวียังคงเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแมสได้ดี แต่ละช่องก็ยังแข่งขันทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทั้ง ละคร ข่าว วาไรตี้ ที่น่าสนใจมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันทีวีได้มีการทำครอสสกรีนเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ทั้ง OTT และอินเทอร์เน็ตทีวี ซึ่งแปลว่าแบรนด์และผู้ผลิตคอนเทนต์ สามารถวางแผนใช้สื่อทีวีให้มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น

ดังนั้น นี่เป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะใช้งานสื่อทีวีที่ปัจจุบันมีการ integrate กับแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้สามารถเก็บดาต้าได้ และวัดผลได้ครอสแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถนำไปสู่การขายได้ด้วย

Photo : Shutterstock

Measurable KOLs

ในยุคแรกการใช้งานอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOLs จะเน้นไปที่การสร้างการรับรู้ แต่ตอนนี้เหล่าอินฟลูฯ สามารถทำได้ full funnel หรือทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตั้งแต่ป้ายยาไปถึงปิดการขาย แถมแบรนด์ยังสามารถวัดผลได้ทันที ซึ่งต่อไปแพลตฟอร์มจะผลิตเครื่องมือใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้นเพื่อช่วยนักการตลาด ให้สามารถวางแผนการใช้อินฟลูฯ และวัดผลได้ดีขึ้น ดังนั้น ปีนี้เป็นปีที่ Beyond Influence ไม่ใช่แค่สร้างเอนเกจเมนต์ แต่ขายของด้วย

Sports Mania

ปี 2024 ถือเป็น ปีแห่งกีฬา เนื่องจากมีมหกรรมกีฬาเยอะ เช่น ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2024 ที่เยอรมนี, โอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส, วอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ดังนั้น กระแสการเชียร์กีฬาในไทยปีนี้น่าจะยิ่งคึกคัก จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะมาจับเทรนด์กีฬาในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสปอนเซอร์ชิปการถ่ายทอดสด, เป็นสปอนเซอร์นักกีฬา สามารถทำเรียลไทม์คอนเทนต์เพื่อเอนเกจกับผู้บริโภคที่ดูกีฬาได้อีกด้วย

โดยเฉพาะการเป็นสปอนเซอร์นักกีฬาในปัจจุบัน มีนักกีฬาหลายคนผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หลายคนมีแฟนคลับในต่างประเทศ การเป็นสปอนเซอร์นักกีฬาก็มีโอกาสที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รับรู้ในต่างประเทศได้ด้วย นอกจากนี้ แบรนด์ที่สนับสนุนก็มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่สินค้าเพื่อสุขภาพ

อีกกีฬาที่น่าจับตาคือ อีสปอร์ต (e-Sports) เพราะด้วยจำนวนคนเล่นในไทยกว่า 40 ล้านคน และกว่า 8.8 ล้านคน ที่นิยมดูการแข่งขันอีสปอร์ต และปัจจุบัน อีสปอร์ตก็ถูกจัดให้เป็นอาชีพ ดังนั้น ต่อไปจะยิ่งแมสมากขึ้น และไม่ว่าจะเป็นกีฬาทั่วไปหรืออีสปอร์ต แบรนด์ก็สามารถใช้พลังของแฟนด้อมนักกีฬาได้

LGBTQ+

ในมุมของแบรนด์หรือนักการตลาด อาจมองว่ากลุ่ม  LGBTQ+ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เพราะหากพูดถึงในด้านของจำนวนที่มีประมาณ 7 ล้านคน แต่มีกลุ่มคนที่พร้อมสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและกลุ่ม LGBTQ+ ในไทยกว่า 20 ล้านคน นอกจากนี้ ประเทศไทยเพิ่งผ่านร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมวาระหนึ่งทั้ง 4 ฉบับ และต้องยอมรับว่าไทยถือเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBTQ+ อันดับต้น ๆ ของโลก

โดยปัจจุบัน ไทยถือเป็นประเทศที่ถูกมองว่าเป็นมิตรต่อ LGBTQ+ ด้วยสัดส่วน 54% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 50% ขณะที่ประเทศไทยก็พยายามโปรโมต LGBTQ+ Tourist เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และท่องเที่ยวบ่อย ดังนั้น หากแบรนด์เปิดรับกลุ่ม LGBTQ+ เท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับแบรนด์  อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต้องแสดงความจริงใจ ไม่ใช่แค่ตามกระแสหรือช่วง Pride Month

Marketing AI

เอไอเป็นสิ่งที่แบรนด์และเอเจนซี่ต้องตื่นตัว รู้ทัน และนำมาใช้เสริมการทำงาน เพื่อปัจจุบันมีเครื่องมือเอไอที่เกี่ยวกับด้านการตลาดให้ใช้จำนวนมาก และในปีนี้จะมีเครื่องมือใหม่ ๆ ให้นักการตลาดได้ใช้งานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ เอไอได้กลายเป็น Core Idea ในการผลิตคอนเทนต์ เช่น รายการ Faceoff ที่นำฟิลเตอร์หน้าดารามาใช้ ดังนั้น ต่อไปเราสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์นำเอไอมาใช้ เพราะสุดท้ายแล้ว มนุษย์ต้องอยู่กบเอไอให้ได้ ต้องรู้เท่าทัน อัพสกิลตัวเอง และต้องใส่ความ Human Touch หรือความเป็นมิตร อบอุ่น เข้าใจและเอาใจใส่ต่อผู้อื่น

Immersive OOH

คนกลับไปใช้ชีวิตโดยไม่กลัวโควิดอีกต่อไป มีห้างเปิดใหม่ ยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์เพิ่มขึ้น 45% และการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีชมพู แสดงให้เห็นว่าคนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของป้ายโฆษณา ประกอบกับสื่อออนไลน์มีการแข่งขันสูง ทำให้แบรนด์จึงหันมาใช้สื่อ Out of home (OOH) มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต้องใส่ใจรายละเอียดสื่อแต่ละประเภทมากขึ้น ทั้งป้ายโฆษณา จอดิจิทัล หรือจออินสโตร์ โดยปัจจุบัน ป้ายโฆษณาแบบ 3D Illusions ช่วยเพิ่มความสนใจได้เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับป้ายโฆษณาแบบเดิม (ป้ายนิ่ง) ดังนั้น ถ้าสื่อมีการเคลื่อนไหว มีการนำเทคโนโลยี AR/VR มาใช้

นอกจากนี้ ถ้ามีการวางแผนสื่อ เลือกทำเล เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับสินค้าและแบรนด์ได้ บวกกับใส่ความครีเอทีฟเข้าไป แบรนด์ก็มีโอกาสที่จะใช้สื่อ OOH ปิดการขายได้เลย อย่างในต่างประเทศ สื่อ OOH สามารถสร้างทราฟฟิกและปิดการขายได้ 30% และช่วงดึงลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น 27%