ไม่ชอบอัดลม ดื่มนมกันเถอะ

กลุ่มเครื่องดื่ม Carbonate (น้ำอัดลม) ของโคคา-โคลา (ประเทศไทย) มีตัวเลขการเติบโตลดลงเหลือเพียงปีละ 5-6% จากมูลค่าตลาดรวมน้ำอัดลมเกือบ 4 หมื่นล้านบาท นั่นหมายความว่าตลาดรวมย่อมมีอัตราเติบโตต่ำลงเช่นกัน 

ข้อมูลนี้คงทำให้ผู้บริโภคเข้าใจโคคา-โคลามากขึ้นว่า เพราะเหตุใดความเคลื่อนไหวของบริษัทจึงให้น้ำหนักไปที่กลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม หรือ Non Carbonate มากขึ้นตลอดช่วงหลายปีมานี้ ทั้งการปรับโฉมผลิตภัณฑ์เดิม และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่ล่าสุด “นิวทริบู๊สท์” สู่ตลาด

เครื่องดื่มไม่อัดลมของโคคา-โคลา มีนินิทเมด เป็นแบรนด์หลัก ทำยอดขายให้กับบริษัทปีละประมาณ 2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท มีอัตราเติบโตสูงถึง 20% ต่อปี และเป็นเหตุผลหลักในการผลักดัน มินิทเมด นิวทริบู๊สท์สู่ตลาด ภายใต้ Umbrella Brand ของมินิทเมด 

ครั้งนี้โคคา-โคลา เลือกออกผลิตใหม่เป็น Cross Segment เพื่อเจาะเข้าไปยังตลาดนมซึ่งมีมูลค่าตลาดปีละกว่า 4 หมื่นล้านสูงพอๆ กับตลาดน้ำอัดลม แต่ต่างกันตรงที่เป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตสูงมากกว่า 8% ต่อปี ซึ่งเติบโตสูงกว่าตลาดน้ำอัดลมเกือบเท่าตัว 

“จากผลสำรวจตลาดไทย ผู้บริโภคไม่ได้มองหาเครื่องดื่มที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างนมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการรสชาติที่อร่อยและสดชื่นของน้ำผลไม้ด้วย” อีกเหตุผลสำคัญจากการบอกกล่าวของ เรฮาน คาน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำประเทศไทย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ที่แสดงให้เห็นว่าทำไมจึงต้องเป็นนมผสมน้ำผลไม้สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้

การผสมน้ำผลไม้ เป็นการนำจุดแข็งเดิมที่มีอยู่ในแบรนด์มินิทเมด ซึ่งเป็นโปรดักต์ที่ทำให้โคคา-โคลาประสบความสำเร็จในการขยายพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มสินค้าไปสู่สมรภูมิตลาดน้ำผลไม้กลุ่มพรีเมียมแมส จากการเปิดตัวแบรนด์ มินิทเมด สแปลช เมื่อ 8 ปีก่อนเป็นตัวแรก

การนำแบรนด์น้ำผลไม้ที่ตลาดตอบรับแล้ว มาผสมกับนมซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโตสูง จึงเป็นการสร้างตลาดเซ็กเมนต์ใหม่บนฐานการตลาดที่โคคา-โคลามีจุดแข็งอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง และเติมเต็มอีกครึ่งด้วยการใช้กลยุทธ์สินค้าที่ “แตกต่าง” เป็นตัวนำ เพื่อเปิดตัวเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดนม  

สองปัจจัยนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่โคคา-โคลาเชื่อว่าจะทำให้นิวทริบู๊สท์กลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้จากช่องว่างตลาดที่มีอยู่นี้ โดยมุ่งทำตลาดให้นมผสมน้ำผลไม้ เป็นเครื่องดื่มสำหรับทุกโอกาสที่ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มได้ตลอดวัน ภายใต้แคมเปญ Perfect Match ที่จะใช้งบการตลาดก้อนใหญ่ 150 ล้านบาท โดยมุ่งจับกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานให้หันมาดื่มนม โดยออกแพ็กเกจจิ้งขวดPET เพื่อสร้างความแตกต่าง และวางขายราคา 20 บาท โดยตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปี นิวทริบู๊สท์ น่าจะทำรายได้ให้บริษัทได้ถึง 1,000 ล้านบาท 

หากเป้าหมายของนิวทริบู๊สท์เป็นจริง เห็นที่ว่าภายใน 2 ปีนี้ พื้นที่ในตู้แช่ระหว่างนมและน้ำผลไม้ทั้งในโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไปซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายหลักของนิวทริบู๊สท์พอๆ กันนั้น คงต้องเตรียมขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผู้เล่นรายใหม่ซึ่งต้องเกิดขึ้นตามมาช่วยแชร์ตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

แบรนด์ นิวทริบู๊สท์ ประเภทผลิตภัณ เครื่องดื่มนมผสมน้ำผลไม้แต่งกลิ่น
ซึ่งมีส่วนผสมของนมผง 2% น้ำองุ่นขาว 20% เพื่อรสชาติ และแต่งกลิ่นรสส้ม
รสสตรอเบอ Positioning เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสดชื่น กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มอายุ 12-40 ปี
ที่ต้องการคุณประโยชน์จากนมน้ำผลไม้  กลยุทธ์การตลาด ใช้แคมเปญเปิดตัวว่า Perfect
Match
เพื่อแสดงถึงส่วนผสมของเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่ที่ลงตัวระหว่างนมและน้ำผลไม้
โดยทำการแจกตัวอย่าง 3 ล้านถ้วยให้ทดลองชิม
และสร้างการรับรู้ผ่านสื่อครบวงจรทั้งออฟไลน์และออนไลน์ งบการตลาด 150 ล้านบาท เป้าหมาย ยอดขาย 1,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>Umbrella Brand
มินิทเมด  

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ปี 

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>BRAND  

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>
2555 มินิทเมด นิวทริบู๊สท นมผสมน้ำผลไม้แต่งกลิ่น 2552 มินิทเมด พัลพ น้ำส้ม 20% ผสมเนื้อส้มแท้ๆ 3% 2548  มินิทเมด สแปลชส้ม น้ำส้มรสเข้ม 15%