เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ได้เตรียมที่จะยกเลิกการรายงานตัวเลขสมาชิกในแต่ละไตรมาส โดยบริษัทได้ให้เหตุผลถึงว่าปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวถือเป็นส่วนประกอบของการเติบโต แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างกับในอดีต
Netflix ได้แจ้งกับนักลงทุนในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ของปี 2024 ว่าบริษัทจะไม่รายงานจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละไตรมาสอีกต่อไป โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งการงดรายงานตัวเลขดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติของบริษัทไอทีที่กำลังเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว และหารายได้ใหม่ๆ แทน
ในรายงานประจำไตรมาส 1 ของบริษัทยังชี้ว่าการรายงานตัวเลขสมาชิกในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากบริษัทยังมีรายได้ไม่มาก ฉะนั้นแล้วสิ่งที่สามารถรายงานการเติบโตของบริษัทได้ก็คือยอดตัวเลขสมาชิกของบริษัท แต่ปัจจุบันบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดที่เติบโต ซึ่งถือว่าแตกต่างกับอดีต
เจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกายังชี้ถึงบริษัทได้พัฒนาที่จะหารายได้ในส่วนอื่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำโฆษณาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่ราคาสมาชิกที่แตกต่างกัน ฉะนั้นบริษัทอยากให้นักลงทุนได้โฟกัสกับรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) แทน
อย่างไรก็ดีในรายงานดังกล่าวบริษัทได้กล่าวว่าจะยังมีการรายงานรายได้ในแต่ละภูมิภาคอยู่ รวมถึงชี้ว่าข้อมูลที่บริษัทได้รายงานในแต่ละไตรมาสถือว่ามีความละเอียดเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ
แผนระยะยาวของ Netflix หลังจากนี้ บริษัทจะเน้นเพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลายหรือแม้แต่การเพิ่มคุณภาพของภาพยนตร์ และรายการต่างๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ หรือแม้แต่การหารายได้จากช่องทางอื่นๆ
บริษัทยังได้รายงานตัวเลขผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 16% ซึ่งปัจจัยหลักนั้นมาจากมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่าน ยังรวมถึงการที่บริษัทมีแพ็กเกจราคาถูกที่มีโฆษณาออกมาด้วย
ผลดำเนินการของ Netflix ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,370 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรทั้งสิ้น 2,633 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสมาชิกแบบจ่ายเงินทั้งหมด 269.60 ล้านราย
กรณีการไม่รายงานตัวเลขสมาชิกในแต่ละไตรมาสของ Netflix ในปี 2025 ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทไอทีหลายแห่งก็ได้เลิกที่จะรายงานยอดสมาชิกในแต่ละไตรมาส ไม่ว่าจะเป็น Twitter ก่อนที่จะโดนซื้อกิจการ หรือแม้แต่ Meta เจ้าของ Facebook และ Instagram เองก็ไม่ได้รายงานตัวเลขดังกล่าวแล้วด้วยซ้ำ