“orbix” บุกตลาดกระดานเทรดคริปโตด้วยจุดขาย “Easy & Trustworthy” ตั้งเป้าปี 2567 จำนวนผู้ใช้งานโต “10 เท่า”


orbix” (ออร์บิกซ์) กระดานเทรดคริป ชูจุดขายบุกตลาดด้วยกลยุทธ์​ “Easy & Trustworthy” ขอเป็นกระดานเทรดที่ “ไว้ใจได้” มากที่สุด ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่และนักลงทุนสถาบัน ตั้งเป้าปี 2567 จำนวนผู้ใช้งานเติบโต “10 เท่า” ขึ้นเป็น Top 3 ของประเทศไทยภายใน 3 ปี มั่นใจสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาฮอตจากปัจจัยบวกส่งเสริม

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 กลุ่มธนาคารกสิกรไทยประกาศรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร โดยดำเนินการผ่านบริษัทลูก “บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด” เข้าซื้อกิจการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเปลี่ยนชื่อกระดานเทรดจาก Satang Pro เป็น orbix” (ออร์บิกซ์)

จนถึงวันนี้กระดานเทรด “orbix” พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเต็มพิกัดในตลาด ผ่านกลยุทธ์ชูจุดขายเป็นกระดานเทรดที่ “Easy & Trustworthy”

(ซ้าย) “ชาญวิทย์​ รุ่งเรืองลดา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด และ (ขวา) “ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์” ประธานกรรมการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด

“ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์” ประธานกรรมการ และ “ชาญวิทย์​ รุ่งเรืองลดา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด สองหัวเรือใหญ่ของ orbix ร่วมกันเปิดเผยแนวทางกลยุทธ์ของ orbix ที่จะช่วยจับกลุ่มตลาดลูกค้าที่แตกต่าง ดังนี้

“Easy” – ใช้ง่ายและสะดวก

  1. การยืนยันตัวตน – ทำได้ผ่าน NDID สำหรับลูกค้าทั่วไป และยืนยันตัวตนบน K+ สำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย
  2. ฟีเจอร์ Wallet Lock ที่มีระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น ลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิดปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง
  3. ฟีเจอร์ Price Alert ตั้งเตือนราคาที่ใช่ ไม่ต้องเฝ้าจอ ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย โดยสามารถเลือกเหรียญที่ต้องการให้แจ้งเตือนได้ด้วยตนเอง
  4. ฟีเจอร์ orbix Balance ระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญ โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณ (*เปิดฟีเจอร์ภายในปี 2567)
  5. Seamless การเติมเงินไม่ต้องบันทึก QR CODE ให้ยุ่งยาก แต่สามารถลิงก์เข้าไปชำระเงินที่ K+ ได้โดยตรง (*เปิดฟีเจอร์ภายในปี 2567)

ตัวอย่างหน้าการใช้งานฟีเจอร์บนแอป orbix


“Trustworthy” – น่าเชื่อถือและไว้ใจได้

  1. เปิดเผยข้อมูลและโปร่งใส (Transparency) – orbix ให้ความสำคัญและจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการของบริษัทฯ ตามที่หน่วยงานกำกับกำหนด รวมถึงมีการจัดทำรายงาน Proof of Reserve เป็นรายเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้กับนักลงทุน
  2. การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่รัดกุม (Prudent Product Selection) – orbix มีกระบวนการคัดเลือกเหรียญตามเกณฑ์ ก.ล.ต. โดย orbix มีแผนในการเพิ่มเหรียญใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้าสู่กระดานซื้อขาย (List) แต่ในขณะเดียวกันก็มีการทบทวนคุณสมบัติของเหรียญในกระดานซื้อ ขายอย่างสม่ำเสมอ หากเหรียญใดไม่ผ่านเกณฑ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อนักลงทุนก็จะมีการพิจารณานำออกจากกระดาน (Delist) โดยมีการพิจารณาทุกๆ 1 ปี
  3. การให้ความรู้แก่นักลงทุน (Investor Education) – orbix เชื่อว่าการให้ความรู้นักลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญ มีการใช้วิธี ‘Gamification’ เข้ามาช่วยให้การให้ความรู้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย โดยมีการสร้างระบบ ‘Kryptonian Test’ ขึ้นมาให้นักลงทุนตอบแบบสอบถามเพื่อหาตัวตนว่าตนเองเป็นนักลงทุนสไตล์ไหนใน 4 ประเภท เมื่อทำแบบทดสอบแล้วจะได้รับภาพประจำตัวจาก 4 ศิลปินชื่อดังเป็นของรางวัล

Kryptonian Test แบบสอบถามเพื่อค้นหาว่าคุณเป็นนักลงทุนสไตล์ไหนใน 4 ประเภท

ดร.กรินทร์กล่าวว่า orbix ต้องการจะตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความน่าไว้วางใจเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็น ‘กลุ่มใหม่’ ที่ยังไม่เคยเข้ามาเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ผ่านมากลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่รับความเสี่ยงด้านความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ แต่ยังไม่ลงทุนเพราะยังไม่ไว้วางใจในผู้ให้บริการ

“เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใหม่จะเป็นคนละกลุ่มกับที่มีในตลาด กลุ่มนี้จะต้องการความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะเข้ามาลงทุน รวมถึงเราคาดว่าจะได้ลูกค้าจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันด้วย” ชาญวิทย์กล่าวเสริม


เป้าหมายปี 2567 จำนวนผู้ใช้ขอเติบโต “10 เท่า”

ด้านเป้าหมายในการดำเนินการ เป้าระยะสั้นปี 2567 นี้ชาญวิทย์คาดหวังว่า orbix จะเติบโตทั้งจำนวนผู้ใช้งานและรายได้

โดยจำนวนผู้ใช้งานฐานเดิมของ Satang Pro มีอยู่ราว 500,000 คน เชื่อว่าหลังจากนี้ลูกค้าเดิมจะทยอยกลับมาใช้งาน และ orbix จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานรายใหม่อีก 10-15% ผ่านการจัดโปรโมชันต่างๆ เช่น ผู้ใช้งานใหม่มีสิทธิได้รับ Cash Back รวมสูงสุด 700 บาทจากแคมเปญ ‘Welcome to orbix’ และแคมเปญ ‘Kryptonian Deposit Bonus’ รวมไปถึงมีการเปิด ‘Kryptonian Referral Program’ ให้ผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำมีสิทธิรับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการขายดิจิทัลโทเคน และมีการสร้างลอยัลตี้ต่อแพลตฟอร์มด้วยโปรแกรม OBX Reward Point ให้ผู้ใช้สามารถสะสมพอยต์จากการใช้งานเพื่อนำมาแลกของรางวัลพิเศษได้

ชาญวิทย์กล่าวว่า ในด้านของ ผู้ใช้งานประจำในแต่ละวัน (Daily Active Users) orbix ตั้งเป้าถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มจำนวนการเติบโต 10 เท่า

ด้านรายได้ของ orbix ก็จะต้องเติบโตสอดคล้องกับการใช้งาน โดยในปีนี้ orbix ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 6 เท่า

ส่วนเป้าหมายระยะกลางของบริษัทฯ ชาญวิทย์มองว่า ภายใน 3 ปี orbix จะขอขึ้นเป็น Top 3 กระดานเทรดคริปโตในไทยให้ได้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้และปริมาณการเทรดต่อวัน


‘Bitcoin ETF’ และ ‘Bitcoin Halving’ ปลุกตลาดกลับมาฮอต

ในแง่สภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากสกุลเงิน Bitcoin ที่มูลค่ากลับมาเติบโตตั้งแต่ต้นปี 2567 จะปลุกตลาดให้คึกคักแล้ว ชาญวิทย์ระบุว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่จะเสริมให้ตลาดการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมา ได้แก่

  1. Bitcoin ETF – ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ทั้งหมด 11 กอง มูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
  2. Bitcoin Halving – อัตราการเกิดของ Bitcoin ใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี ซึ่งเกิดการ Halving ไปเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
  3. Ethereum ETF – มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมแรงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันอีกทางหนึ่ง
  4. ประเทศไทยมีนโยบายศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค (Digital Asset Hub) ทำให้มีมาตรการส่งเสริม เช่น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) ที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย
  5. คณะกรรมการ ก.ล.ต. ของไทย มีมติเห็นชอบ ปรับหลักเกณฑ์ให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษและนักลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนใน Bitcoin ETF ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้

“เราเชื่อว่ากลุ่มที่กล้าเสี่ยงมากที่สุดน่าจะเข้ามาเทรดกันหมดแล้ว ที่จะเข้ามาต่อจากนี้คือกลุ่ม ‘เงินใหม่’ ที่เทรดคริปโตเป็นครั้งแรก และกลุ่ม ‘เงินใหญ่’ ซึ่งต้องการลงทุนระยะยาว orbix จะตอบโจทย์พวกเขาเหล่านี้ได้ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น น่าไว้วางใจด้วยการทำงานระดับ ‘bank grade’ ในฐานะบริษัทลูกของ ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ภายใต้กลุ่มสถาบันทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย