หลังจากที่อาร์เอสได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับทัวร์นาเมนต์มาหลายครั้ง เช่น ฟุตบอลโลก ซีเกมส์ ในปีนี้อาร์เอสคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอล “ลาลีกา สเปน” ฤดูกาล 2012-2015 มาไว้ในมือด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท
ด้วยงบประมาณขนาดนี้ อาร์เอสคาดหวังว่า “สปอตคอนเทนต์” ล่าสุดนี้จะสามารถทำเงินให้กับอาร์เอสถึง 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการสมัครสมาชิก กับรายได้จากผู้สนับสนุนรายการ
ที่มั่นใจขนาดนี้ เพราะจากสำรวจในกลุ่มผู้ชม Set Top Box ฟุตบอลสเปนได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทยในไทยแล้ว เพราะมีซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของโลกในขณะนี้ ลีโอเนล เมสซี่เป็นดาราประจำลีก และยังเป็นลีคที่เล่นฟุตบอล เร้าใจ นอกจากนี้เวลาการแข่งขันยังขยับให้เร็วขึ้น เพื่อจับกลุ่มผู้ชมในเอเชีย จากเดิมที่แมตช์สำคัญเริ่มเตะตอนตี 3 ถึงตี 4 ก็เริ่มเร็วขึ้นมาเป็นเวลาประมาณตี 1 ซึ่งยังคงคาบเกี่ยวในช่วงไพรม์ไทม์ของคนดูฟูตบอล ที่เริ่มประมาณ 22.00-1.00 น. ของวันใหม่
กลยุทธ์ที่อาร์เอสวางแผนเอาไว้ เริ่มจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับช่อง 7 ถ่ายทอดสด จำนวน 12 แมตช์ต่อ 1 ฤดูกาล เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยให้กับผู้ชมระดับ Mass ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านราคาของอาร์เอส ที่ตั้งราคาสมาชิกรายเดือนเพียง 100 บาท ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ถูกที่สุดสำหรับการรับชมฟุตบอลลีกต่างประเทศสดๆ เมื่อเทียบกับเคเบิ้ลหรือทีวี ดาวเทียมรายอื่น คาดหวังจะมียอดผู้ชมทั้งฤดูกาล 1 ล้านราย ซึ่งปัจจุบันนี้อาร์เอสก็มีสมาชิกที่ชมเคเบิลแบบ Free to Air อยู่แล้วประมาณ 15 ล้านครัวเรือน
สำหรับผู้สนับสนุนรายการ อาร์เอสตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้สนับสนุนหลักทั้งหมด 10 ราย ซึ่งตอนนี้มีแบรนด์ต่างๆ ที่เข้าร่วมการถ่ายทอดสดกับอาร์เอสแน่ชัดแล้ว 4 ราย ที่เหลืออยู่ในระหว่างการเจรจา โดยผลประโยชน์ที่อาร์เอสนำมาเป็นจุดขายก็คือความยืดหยุ่น
” รูปแบบการขายที่การแข่งขันทั้งฤดูกาลทำให้เรามีโอกาสสร้างรายได้แบบ Pay Channel ได้ ส่วนทัวร์นาเมนต์รายได้ 90% มาจากการโฆษณา อีกอย่างคือเมื่อเป็นช่องเคเบิล รูปแบบการขายโฆษณาก็จะมีความหลากหลายและยืดหยุ่นกว่าฟรีทีวี กิจกรรมที่ Associate กับแบรนด์ลูกค้าได้มากกว่า เช่น Product Placement หรือ Tie-in” พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.อาร์เอสเปิดเผย
ในส่วนของการพัฒนาคอนเทนต์ให้ถูกใจคอบอลชาวไทย อาร์เอสยังคงใช้ความสำคัญกับการถ่ายทอดสดซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ลูกค้าเลือกสมัครสมาชิกกับช่อง ซึ่งอาร์เอสก็จะเลือกผู้บรรยายที่แฟนบอลชื่นชอบมาพากย์ ที่เหลือเป็นไฮไลต์การแข่งขัน สกู๊ปพิเศษที่มาจากสเปน ส่วนคอนเทนต์ไทยที่อาร์เอสจะเอาความเชี่ยวชาญด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ของตัวเองมาผสมกับเรื่องกีฬาจะเป็นส่วนน้อย คิดเป็นสัดส่วน 80: 20