หากพูดถึงแคมเปญ สะสมแสตมป์ เพื่อใช้แลก ของพรีเมียม เป็นอีกกลยุทธ์ที่มักจะเห็นได้บ่อย ๆ จากเชนร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต ล่าสุด ท็อปส์ (Tops) ก็ออกแคมเปญสะสมแสตมป์กลับมาทำตลาดอีกครั้ง พร้อมกับมาเล่าให้ฟังว่าทำไมแคมเปญถึงได้ผลเสมอ
อินไซต์บอกเองว่าลูกค้าชอบ
จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จํากัด ได้เล่าว่า จากการทำสำรวจลูกค้าท็อปส์พบว่ากว่า 39% ชื่นชอบโปรโมชั่น และกว่า 25% ชื่นชอบแคมเปญการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัล
โดยท็อปส์เคยทำแคมเปญสะสมแสตมป์ในปี 2013 ก่อนจะทำอีกครั้งในปีที่ผ่านมา โดยนำคาแรกเตอร์จาก KAKAO FRIENDS มาทำเป็นของพรีเมียมให้แลก ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 10% สามารถกระตุ้นจำนวนการซื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% และเพิ่มจำนวนชิ้นของสินค้าได้เฉลี่ย 9%
แบรนด์ได้ลอยัลตี้
ไม่ใช่แค่ฝั่งลูกค้าที่ชื่นชอบ แต่ แบรนด์ เองก็ชอบกลยุทธ์นี้เช่นกัน เพราะถ้าสินค้าของแบรนด์นั้น ๆ แจกแสตมป์ ก็จะช่วยจูงใจลูกค้าให้ซื้อง่ายกว่า และเป็นไปได้ว่าจะซื้อในปริมาณมาก ๆ ซึ่งก็จะช่วยให้เกิด ลอยัลตี้ และเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นยากมากขึ้น และลูกค้ายินดีที่จะจ่ายมากขึ้น
“แน่นอนว่ามีผู้บริโภคกลุ่มที่ชอบส่วนลด แต่แบรนด์มองว่าเขาสามารถให้ส่วนลดเองได้ ไม่จำเป็นต้องร่วมกับเราก็ได้ แต่พอเป็นการสะสมแสตมป์มันช่วยเรื่องลอยัลตี้ เพราะพฤติกรรมลูกค้าเขาจะดูเลยว่า สินค้าไหนให้แสตมป์เยอะ เขาก็จะซื้อสินค้านั้น ๆ ดังนั้น ตัวเลขการเติบโตของจำนวนสินค้า 9% เป็นแค่ค่าเฉลี่ย บางสินค้าโตได้ถึง 50%”
ของพรีเมียมตัวดึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ
เพราะลูกค้าในปัจจุบันมองหา ความคุ้มค่า และ ความเอ็กซ์คลูซีฟ ดังนั้น ของพรีเมียมที่จะดึงดูดให้ลูกค้าสะสมต้องตอบโจทย์ความต้องการตรงนี้ได้ ดังนั้น ของพรีเมียมของท็อปส์จะต้อง ใช้ได้จริง คุณภาพดี และมีความเอ็กซ์คลูซีฟ ดังนั้น สินค้าทั้งหมดจะมีจำนวนจำกัด แต่มั่นใจว่าเพียงพอ
อีกส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูด ลูกค้าใหม่ ๆ ก็คือ ศิลปิน ที่จะจะช่วยดึงฐานแฟนคลับให้มาสะสม โดยปีที่ผ่านมา ท็อปส์ได้คาแรกเตอร์จาก KAKAO FRIENDS แต่ปีนี้ท็อปส์เลือกจะใช้คาแรกเตอร์จาก 3 ศิลปินไทย โดยมีเป้าหมาย ดึงดูดลูกค้านิวเจน เนื่องจากฐานลูกค้าของท็อปส์ในปัจจุบัน 75.2% อยู่ในช่วงกลุ่ม Gen X และ Gen Y (25-54 ปี) 44% เป็นพนักงานออฟฟิศ โดยลูกค้าผู้หญิงเป็นสัดส่วนถึง 71.8% และผู้ชายมีสัดส่วน 28.2%
มั่นใจศิลปินไทยมั่นใจลูกค้าได้
จักรกฤษณ์ อธิบายว่า ที่ปีนี้ท็อปส์เลือกจับมือกับศิลปินไทยเพราะต้องการ สนับสนุนคนไทย ส่งเสริมความยั่งยืน อีกทั้งต้องการสร้างความแตกต่างจากตลาด และ 3 ศิลปินที่เลือกมาก็คัดแล้วว่ามีฐานแฟนคลับ มีความน่าสนใจ และมีความแตกต่างกันชัดเจน โดยจะมีทั้งความน่ารัก โฉบเฉี่ยว และอาร์ตในตัวเอง ได้แก่
- Painterbell : เจ้าของผลงาน John Lulu and Friends ที่บอกเล่าเรื่องราวของคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนที่ร่วมมือร่วมใจกันใช้ชีวิตที่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมโลก ผสมผสานกับลวดลายที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย
- Nui Wonderland : เจ้าของนิทรรศการ Nui in Wonderland ที่มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดความเป็นจริงของโลกที่กําลังเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ มิติ มีการสอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นไทยในคาแรกเตอร์ประจําตัวที่มีความยูนีค
- ARTSTORY by Autistic Thai : กลุ่มศิลปินออทิสติกทั้ง 5 คน ที่ร่วมนําเสนอมุมมองที่แตกต่างในคอนเซ็ปต์ “The town of Galaxtica ประยุกต์ผลงานให้สะท้อนแนวคิดความยั่งยืน
มั่นใจดันยอดโต 2 หลัก และขยายฐาน Gen Z
สำหรับแคมเปญในครั้งนี้ ท็อปส์มองว่าจะช่วยสร้างการเติบโตได้ 2 หลัก และช่วยดึงลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Gen Z มาเอนเกจกับแบรนด์มากขึ้น อีกทั้ง แคมเปญนี้จะมาช่วยเพิ่มความตื่นเต้น ความสนุก ให้กับช่วงไตรมาส 2 ที่ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากผู้บริโภคจับจ่ายในช่วงสงกรานต์ รวมถึงต้องประหยัดเงินเพื่อใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
“ช่วงนี้ถือว่าท้าทาย ดังนั้น เราจะทำอย่างไรเพื่อรักษาและขยายฐาน เพิ่มความตื่นเต้น ความสนุกในช่วงนี้ จึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้”
สำหรับแคมเปญนี้ ท็อปส์ทุกสาขาเข้าร่วมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Tops, Tops Daily, Tops Food Hall และ Tops Fine Food โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิก The1 ช้อปครบทุก 100 บาทต่อใบเสร็จ รับ e-stamp 1 ดวง หรือรับแสตมป์เพิ่มเติม ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 6 สิงหาคม 2567 และสามารถแลกของสะสมได้ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2567
โดยแบ่งระยะเวลาแลกสินค้าคอลเลกชันของศิลปินเป็น 3 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน Painterbell ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด รอบที่ 2 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน Nui Wonderland ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด และรอบที่ 3 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน ARTSTORY by Autistic Thai ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด