-
“ออนิกซ์” เครือโรงแรมขนาดกลางสัญชาติไทย เตรียมแผนลงทุนปี 2568 มูลค่ารวม 4,800 ล้านบาท รีโนเวตโรงแรม 2 แห่ง และก่อสร้างใหม่ 2 แห่ง
-
ปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 9,400 ล้านบาท เติบโต 19% เป้าทำกำไรสุทธิมากกว่า 1,800 ล้านบาท เติบโต 28%
-
มองภาคท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวดีมาก นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเป็นอันดับ 1 ในตลาด แต่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา ทำให้การลงทุนต้องระมัดระวัง
“ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทภายใต้กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ประกาศแผนการลงทุนช่วงปี 2568 ตั้งงบลงทุนรวม 4,800 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตและก่อสร้างโรงแรมใหม่ 4 แห่ง ดังนี้
- รีโนเวต โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต มูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท
- ก่อสร้าง โรงแรมโอโซ่ กรุงเทพฯ จำนวน 250 ห้อง (ที่ดินผืนเดียวกับโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ ย่านประตูน้ำ) มูลค่าการลงทุน 800 ล้านบาท
- รีโนเวต โรงแรมอมารี ภูเก็ต (หาดป่าตอง) มูลค่าการลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาท
- ก่อสร้าง โรงแรม EQ Phuket พูลวิลล่าจำนวน 150 ห้อง บนที่ดินขนาด 32 ไร่หน้าหาดกะตะ มูลค่าการลงทุน 2,000 ล้านบาท
โดยโครงการที่น่าสนใจคือโรงแรม “EQ Phuket” เพราะจะเป็นโครงการร่วมลงทุน (JV) กับกลุ่มทุนจากมาเลเซียผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรู “EQ Kuala Lumpur” ถือเป็นโครงการแรกที่ออนิกซ์อยู่ในฐานะเจ้าของร่วม และไม่ได้ใช้เชนโรงแรมของตนเองในการบริหาร แต่เลือกที่จะใช้เชนโรงแรมของบริษัทอื่น
“โครงการนี้เราจะเป็นแลนด์ลอร์ดเพราะเป็นที่ดินของเราเอง นำมาทดลองโมเดลธุรกิจที่มีผู้ร่วมลงทุนและเป็นผู้บริหารโรงแรมให้เรา ซึ่งทำให้เราประหยัดงบลงทุนและลดความเสี่ยง” ยุทธชัยกล่าว “เราเลือกกลุ่ม EQ เพราะเขามีสถิติที่ดีในการบริหาร EQ Kuala Lumpur และเจ้าของยังคงบริหารเอง ทำเอง และมีแพสชั่นที่จะมาเริ่มลงทุนในประเทศไทย”
ท่องเที่ยวบูมสุดขีด “ออนิกซ์” ตั้งเป้าปี’67 รายได้โต 19%
สำหรับเครือออนิกซ์เป็นเครือโรงแรมที่มีทั้งการลงทุนเอง และรับจ้างบริหารให้กับเจ้าของ โดยมีแบรนด์โรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 4 แบรนด์เพื่อตอบสนองลูกค้า ได้แก่ อมารี (Amari), โอโซ่ (OZO), ชามา (Shama) และ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence)
ปัจจุบันมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 40 แห่ง สัดส่วน 53% อยู่ในประเทศไทย ส่วนที่เหลือ 47% อยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย จีน ฮ่องกง ลาว มัลดีฟส์
ยุทธชัยกล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นเป็นปีที่ดีมากของการท่องเที่ยว ทำให้ออนิกซ์คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อน และทำกำไรสุทธิมากกว่า 1,800 ล้านบาท เติบโต 28% จากปีก่อน
“สายการบินกลับมาบินเกิน 50-60% ของจำนวนเที่ยวบินเดิมก่อนโควิด-19 แล้ว และพอเข้าไตรมาส 2 คนจีนเริ่มกลับมาเที่ยวเมืองไทย จนตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ในเครือออนิกซ์ รองลงมาอันดับ 2 คือคนไทย และอันดับ 3 คือรัสเซีย” ยุทธชัยกล่าว “ไตรมาสแรกเราทำรายได้ทะลุเป้าไป 19-20% เลย ถือว่าได้ตุนรายได้ไว้ก่อน ปัจจุบันอัตราการเข้าพักของเราทุกโรงแรมในไทยแตะ 80-85% หมด”
ส่วนโรงแรมที่กำลังจะก่อสร้างเสร็จและเปิดบริการภายในปี 2568 ของเครือออนิกซ์มีทั้งหมด 9 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศมาเลเซีย 3 แห่ง จีนและฮ่องกง 2 แห่ง ไทย 2 แห่ง ลาว 1 แห่ง และศรีลังกา 1 แห่ง ตัวอย่างโรงแรมที่จะเปิดบริการเร็วๆ นี้ เช่น
- โอโซ่ เมดินี ประเทศมาเลเซีย – โรงแรมแบรนด์โอโซ่แห่งที่ 5 ของเครือ เตรียมเปิดไตรมาส 2/2567
- อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา – อาคารสูง 27 ชั้น ห้องพัก 167 ห้อง เตรียมเปิดไตรมาส 4/2567
- อมารี เวียงจันทน์ ประเทศลาว – โรงแรมแห่งที่ 2 ของเครือในลาว ห้องพัก 248 ห้อง เตรียมเปิดไตรมาส 4/2567
- อมารี เดอะไทด์ บางแสน ประเทศไทย – โรงแรมตรงข้ามหาดบางแสน ห้องพัก 154 ห้อง เตรียมเปิดภายในปี 2568
ภาพรวมเศรษฐกิจยังต้องลงทุนแบบ ‘ระมัดระวัง’
ยุทธชัยกล่าวต่อว่า ถึงแม้การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดี แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังทำให้ต้องระมัดระวังการลงทุน มีการชะลอเวลาออกไปบ้าง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยสูง หนี้สาธารณะสูง
- “เซ็นทารา” วางงบลงทุนกว่า 5,600 ล้านบาท ทุ่มสร้าง 2 โรงแรมใน “มัลดีฟส์” – รีโนเวตใหญ่ “พัทยา”
- “MINT” กำไรปี 2566 โตพุ่ง 3 เท่า! กางแผน 3 ปี เข้าโหมด “Asset-light” เน้นรับจ้างบริหารโรงแรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ตตามนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ยุทธชัยมองว่าโครงการนี้น่าจะเป็น ‘การกระตุ้นระยะสั้น’ ให้กับเศรษฐกิจไทยได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่มองระยะยาว ผลจากโครงการจะเป็นภาระหนี้สาธารณะของประเทศมากกว่า
“เศรษฐกิจไทยปีนี้แย่มาก จีดีพีอาจจะไม่ถึง 2% พอดีในเครือเรามีธุรกิจก่อสร้างด้วย ทำให้เราเห็นว่าตลาดแย่มาก จากงบเบิกจ่ายภาครัฐที่ล่าช้าไป 6 เดือน ซ้ำเติมจากช่วงโควิด-19 ที่แย่มาแล้ว 3 ปี แล้วยังมีสงครามทำให้ต้นทุนการก่อสร้างทุกอย่างพุ่งขึ้นมาอีก ผมว่ารวมๆ แล้วเศรษฐกิจไทยจะยังท้าทายไปแบบนี้อีก 2-3 ปี” ยุทธชัยกล่าว