“มวยไทยสวยขึ้น” ไม่ใช่เพราะการปรุงแต่งที่บิดเบือนผิดไปจากการออกอาวุธ หมัด เท้า เข่า ศอก ที่เคยมี หรือเป็น “มวยนะยะ” เหมือนสมัยน้องตุ้ม-ปริญญา เจริญผล ที่เคยโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน แต่เป็นเพราะปรากฏการณ์ที่มีสาวๆ สนใจเรียนมวยไทยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้สีสันของมวยไทยในโรงเรียนสอนมวยสดใสขึ้นทันตา
การันตีความสวยยิ่งขึ้นด้วยดารา นางแบบ นักร้อง อาชีพที่ต้องอาศัยความฟิตแอนด์เฟิร์มของหุ่น รวมไปถึงวงการแอร์โฮสเตส ก็หันมาเลือกมวยไทยเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความแข็งแรง และจัดระเบียบร่างกายกันอย่างคึกคักมากขึ้น
จากค่ายมวยไทยที่มีข้อต้องห้ามมากมายจนผู้หญิงแทบจะย่างเท้าเข้าค่ายมวยก็ลำบาก ผู้หญิงเองก็ถือว่าไม่ใช่ที่ที่อยากจะไปเช่นกัน เพราะรู้สึกว่าค่ายมวยเป็นที่ของผู้ชาย มีแต่กลิ่นเหงื่อ ร้อนอบอ้าว ไม่น่าดู หากแต่ปรากฏการณ์ที่เป็นอยู่วันนี้ สัดส่วนของนักเรียนในโรงเรียนมวยไทยสมัยนี้มีผู้หญิงจำนวนมากเข้าไปจับจองพื้นที่ฝึกมวยกันอย่างเอาจริงเอาจัง
“เจริญทองยิมเปิดมา 8 ปี ตอนแรกก็มีแต่ผู้ชาย มาตอนหลังผู้หญิงเยอะขึ้นมาก มีทุกอาชีพ ตอนนี้มีนักเรียนสัก 500 คนได้ ผู้หญิงน่าจะถึง 70%” ครูเป็ด – เจริญ ชูมณี ปัจจุบันเป็นครูมวยไทย เจ้าของโรงเรียนสอนมวยไทย เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ชื่อที่ได้มาจากชื่อที่ใช้สมัยชกมวยไทยในอดีต บอกกับ POSITIONING
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับ วิจิตรา สัตตบงกช หรือ เดียร์ แอร์โฮสเตส นักเรียนที่เรียนมวยไทยต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปี เธอให้ข้อมูลว่า
“ตอนแรกที่มีเพื่อนแอร์แนะนำให้มาเรียนมวยไทย ก็คิดเหมือนกันว่าจะไหวเหรอ ดูโหดๆ มีแต่ผู้ชายเรียนหรือเปล่า สกปรกไหม แต่พอมาที่นี่ก็โอเค ตอนแรกมาเรียนก็ไม่ค่อยมีผู้หญิง แต่ตอนนี้ผู้หญิงเรียนเยอะมาก มีทุกวงการ บางวันมาเรียนมีผู้หญิง 20 คน ผู้ชาย 2-3 คนเอง”
ครูเป็ดบอกว่า ผู้หญิงที่มาเรียนตอนนี้ มีทั้งเด็กประถมไปจนถึงพยาบาลเกษียณที่อายุมากถึง 71 ปี
โรงเรียนสอนมวยไทย เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง หรือ เจริญทองยิม เข้ามาเช่าใช้พื้นที่ใกล้ถนนประดิษฐ์มนูธรรม โดยปรับแต่งสถานที่เดิมซึ่งเคยเป็นโรงเรียนเทควันโดที่เปิดเพราะกระแสนิยมกันมากในช่วงหลายปีก่อน ปรับให้เหมาะกับการฝึกมวยไทย เพิ่มเวที และที่แขวนกระสอบทราย ตกแต่งให้เป็นโรงเรียนที่ทันสมัยเพื่อให้เหมาะกับสไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะภาพกราฟิตี้แบบสตรีทอาร์ตบริเวณผนังโรงยิมแต่ละด้าน
ความรู้สึกเริ่มต้นที่ทำให้อดีตนักมวยอาชีพรายนี้ หันมาทำธุรกิจโรงเรียนสอนมวยไทย มาจากแรงผลักภายในที่อยากให้คนไทยหันมาสนใจกีฬาประจำชาติมากขึ้น
“ตอนนั้นหมั่นไส้เทควันโดด้วย ตอนผมเปิดโรงเรียนเป็นช่วงที่ น้องวิว (เยาวภา บุรพลชัย) ได้เหรียญพอดี แต่ความเป็นคนไทย มวยไทยต้องมาก่อน แต่รัฐบาลไม่เอาหลักสูตรมวยไทยบรรจุเข้าโรงเรียนแต่เอากีฬาอื่นเข้า แถมยังมาพูดอีกว่าจะไม่ให้ต่างชาติเอาไปเปิดเมืองนอก มาพูดอะไรตอนนี้ต่างประเทศเขาเปิดกันหมดแล้ว มวยไทยเป็นที่นิยมในต่างประเทศทั่วโลก นักมวยไทยต้องไปสอนต่างชาติ ก็เพราะคนไทยไม่สนใจ”
สิ่งที่ครูเป็ดคิดก็ไม่ได้รับการตอบรับจากสังคมในทันที โรงเรียนเปิดสอนแปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม ไม่มีการทำตลาดในช่วงแรก ทำแค่โบรชัวร์แจก สองสามเดือนแรกเงียบเพราะไม่ค่อยมีคนมาเรียน มีแต่โรงเรียนที่สนใจติดต่อให้ไปสอน ครูเป็ดซึ่งไม่ชอบอยู่นิ่งก็ตอบรับไปสอนอยู่ 2-3 โรงเรียน
ผ่านไป 2-3 เดือน โรงเรียนมวยไทยเริ่มมีชื่อเสียง คนเริ่มรู้จัก เพราะมีนิตยสาร ทีวี เข้ามาทำรายการ เลยมีคนสนใจโทรเข้ามาสอบถามไม่ขาด
“ตอนนั้นทำคนเดียว เปิดมาแล้วเห็นเลยว่า มวยเป็นสิ่งที่คนมองไม่ค่อยเห็น ไม่ค่อยนิยม”
แต่ในที่สุดโรงเรียนมวยของครูเป็ดก็ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการมีดารา นางแบบ นักร้อง เข้ามาเป็นลูกศิษย์ ทำให้มีหนังสือ รายการต่าง ๆ ตามเข้ามาถ่ายทำ เช่น การเป็นสถานที่ถ่ายทำชุดแฟชั่นมวยไทยให้กับนาตาลี เกลโบวา นางงามจักรวาลปี 2548 ก็ทำภาพของโรงเรียนมวยไทยดูสวยงามขึ้นในสายตาผู้สนใจ จนไปถึงกลุ่มผู้หญิงที่มีโอกาสได้เห็นโรงเรียนสอนมวยที่แปลกไปจากเดิม
ปี 2549 กระแสมวยไทยกลายเป็นข่าวติดอันดับ 6 ใน 10 ข่าวดังแห่งปีของวงการกีฬาเมืองไทย เมื่อ ฮิเดะโตชิ นากาตะ นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นที่เคยไปค้าแข้งในกัลป์โซ่ซีรี่ส์อา ของอิตาลี เดินทางมาฝึกซ้อมมวยไทยที่โรงเรียนเจริญทอง ทำให้กระแสมวยไทยโด่งดังขึ้นมาแบบอินเทรนด์อีกระลอก และแน่นอนว่าความดังของนากาตะ ส่งผลให้สาวๆ ที่เป็นแฟนคลับจำนวนมาก หันมารู้จักมวยไทยในมุมมองที่ทันสมัยด้วยเช่นกัน
“อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร เป็นดาราคนแรกที่มาเรียน เพราะต้องใช้ถ่ายละคร ตอนหลังก็มีกลุ่มนางแบบกลุ่มแรกที่เข้ามามี โย – ยศวดี มาริสา เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ นุช-นีรนาถ โคลท์ ดาราก็มี พิตต้า เชียร์-ทิฆัมพร ชัชชญา ส่งเจริญ หรือป๊อปปี้ วงทรี-ทู- วันค่าย-กามิกาเซ่ หลายคนยังมาอยู่เป็นประจำ ดาราชาย มี อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์, กันต์ กันตถาวร, ซัน-ประชากร ปิยะสกุลแก้ว”
โรงเรียนมวยไทยของครูเป็ด เป็นรูปแบบที่ต่างจากค่ายมวยที่มีอยู่มากมายในเมืองไทย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าไม่เน้นสอนต่างชาติเก็บค่าเรียนแพง ก็เน้นปั้นนักมวยอาชีพส่งชก บางแห่งสถานที่คับแคบแออัดไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่มองหาการออกกำลังกายเป็นวัตถุประสงค์หลัก เรียกว่าถ้าไม่ใช่โรงเรียนที่ต้องเสียค่าเรียนคอร์สละเป็นหมื่นก็เป็นแบบดิบเถื่อนไปเลย
ที่สำคัญไม่มีหลักสูตรสำหรับฝึกพื้นฐานให้กับคนที่ไม่ทักษะด้านกีฬา ทำให้ผู้เรียนจำกัดเฉพาะคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองไปสู่มวยอาชีพ หรือผู้มีกำลังจ่ายค่าเรียนโดยเฉพาะชาวต่างชาติ แต่ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับผู้สนใจมวยไทยในระดับพื้นฐาน
ครูเป็ดเป็นนักมวยรุ่นแรกๆ ของไทยที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาโดยตรงจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มีประสบการณ์ชกมวยอาชีพ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์สอนมวยไทยมาจากหลายที่ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้รูปแบบและสถานที่ของโรงเรียนสอนมวยไทยของเขามี Positioning ที่แตกต่างจากค่ายมวยอื่นๆ ที่มีอยู่ ขณะที่ยังรวบรวมวิชามวยไทยของแท้ไว้ครบถ้วน โดยรับสอนเฉพาะมวยไทยอย่างเดียว ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งเหมือนในฟิตเนสหรือยิมที่มีรูปแบบการออกกำลังกายหลายอย่างให้เลือก
“รูปแบบที่ตั้งขึ้นมารวมถึงสถานที่ ผมคิดเอง เพราะตอนไปดูเขาสอนที่อเมริกาก็คนไทยคิด แต่สอนฝรั่งกับสอนคนไทยไม่เหมือนกัน สอนฝรั่งให้เตะต่อยเป็น เท่านั้นพอ คนไทยต้องสอนเป็นหลักสูตร ออกหมัดต้องมีหมัดฮุกสั้นยาว อัปเปอร์คัท เตะตรง เตะเฉียง เตะตัด ตีศอก ตีเข่า อาวุธแต่ละอย่างต้องครบ”
ครูเป็ดเล่าว่า สิ่งที่ได้มากที่สุดจากอเมริกาคือได้เงินจากค่าสอนที่ไปช่วยสอนโรงเรียนมวยไทยในเท็กซัส ซึ่งมีคนไทยมาเรียนด้วย ประสบการณ์ในการสอนเด็ก และความช้ำใจที่เห็นมวยไทยเป็นนิยมของฝรั่งแต่ไม่เป็นที่สนใจของคนไทย
“ความนิยมมวยไทยในต่างประเทศเยอะมาก ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น อย่าว่าแต่เมืองนอกเลย เมืองไทยฝรั่งก็นิยม และเป็นเจ้าของมวยไทย จ้างคนไทยไปสอน คนไทยไม่มีสมองให้คนอื่นเอาไปกินหมด ฝรั่งเอาไปผสมทำเป็น Ultimate Fighting ต่อยในกรง อเมริกันคลั่งไคล้ ชอบมากเพราะมวยไทยมีหลักเหลี่ยมในการต่อสู้มีอาวุธครบ เทียบกับเทควันโด กังฟู มวยไทยมาเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังบูมขึ้นเรื่อยๆ นักมวยบางคนไปเป็นเทรนเนอร์อยู่ญี่ปุ่น ไปมีครอบครัวที่โน้นก็มี” นี่คือสมองมวยไทยที่ไหลออกเพราะคนไทยไม่เห็นค่า
การสอนของครูเป็ดจะปรับจากรูปแบบในอเมริกา ที่ครูจะให้ผู้เรียนจับคู่ซ้อมกันในแต่ละท่า มาให้ครูมวยเป็นผู้ฝึกให้กับนักเรียนทุกคน ทำให้สามารถแยกแยะระดับการฝึกที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคนได้ อีกทั้งเข้ากับนิสัยคนไทยที่ชอบเรียนกับครูโดยตรง และดีต่อผู้เรียนที่ครูจะเห็นความถูกผิดของท่าและปรับแก้ให้ได้
ประสบการณ์ที่เอามาทำหลักสูตรอีกส่วนมาจากสมัยที่ทำโรงเรียนสอนมวยไทยกับพลตรีธันวาคม ทิพยจันทร์ ก่อนไปไปอเมริกา ซึ่งครูเป็ดบอกว่า ได้การสอนเรื่องท่ายืน การสอนเด็ก การสอนออกหมัด เท้า เข่า ศอก ที่นำมาใช้อยู่ทุกวันนี้
“นางแบบที่มาเรียนส่วนใหญ่ จะเล่นฟิตเนสมาก่อน ราคาก็สูงกว่าเรียนมวยไทย ถ้าจะเรียนมวยไทยเพิ่มก็ต้องจ่ายคอร์สละประมาณ 2 หมื่น คนสอนไม่ใช่ครูมวย หรือถ้าเข้าเรียนเป็นกลุ่มคนเดียวสั่งเด็ก 20-30 คน สอนผิดๆ ถูกๆ ก็มี ทำให้กลุ่มดารา นางแบบ หันมาเรียนที่โรงเรียนนี้หลายคน และก็เป็นแรงดึงดูดให้มีลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ตามมา แม่นักเรียนผมบอกใครอยากหานางแบบให้มาหาที่นี่ได้เพราะมีนางแบบมาเล่นเยอะ”
โรงเรียนมวยไทยเจริญทอง คิดค่าสอน 4,500 บาทต่อ 15 ครั้ง จะมาเล่นช่วงไหนก็ได้ครั้งละ 2 ชั่วโมง โดยโรงเรียนจะเปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงเที่ยง แล้วพักเปิดอีกทีตอนบ่ายสามถึงทุ่มครึ่งอาจจะจะเลทถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันจันทร์
ขั้นตอนการฝึกจะเริ่มจากวอร์มอัพร่างกาย 15-20 นาที เข้าสู่การฝึก และวอร์มดาวน์ 15-20 นาทีก่อนเลิก ผู้เรียนทั้งหญิง ชาย และเด็ก จะฝึกรวมกัน แต่ครูเป็ดจะเป็นคนปรับพื้นฐานให้กับนักเรียนทุกคนที่เข้ามาใหม่ในครั้งแรก รวมทั้งร่วมฝึกด้วย ปัจจุบันมีครูฝึกซึ่งเป็นอดีตนักมวย 5 คน บางคนมีทักษะพิเศษมีชอบปล่อยมุกจนเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนโดยเฉพาะเด็กๆ และสาวๆ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนเรียนที่นี่ไม่เบื่อ คือการประยุกต์รูปแบบการสอนจากอเมริกา โดยนำจังหวะเพลงเข้ามาใช้ เพื่อสร้างบรรยากาศให้คึกคัก ทำให้ผู้เรียนไม่เหงา
“เปิดเพลง มันไม่เบื่อ ไม่เซ็ง มันกระตุ้นให้อยากเล่น ไม่เหมือนผมซ้อมตอนเด็กๆ เงียบๆ เลย ที่นี่วันไหนเครื่องเสียงพังแทบจะไม่มีคนอยากฝึก”
จากคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานมวยไทย ถ้ามาเรียนที่เจริญทอง สามารถฝึกเพื่อให้ได้ตามหลักสูตรที่วางไว้ 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นพื้นฐาน สองด้านการเคลื่อนไหว ไปจนถึงขั้นที่สาม การต่อสู้จริง
ขั้นพื้นฐาน เรียนลักษณะการยืนอยู่กับที่ การออกหมัดให้ถูกต้อง ทั้งฮุก อัปเปอร์คัท เข่า ศอก โดยยืนอยู่กับที่ แต่ออกอาวุธได้ตรงเป้าหมายและมีน้ำหนัก
ด้านการเคลื่อนไหว จากยืนอยู่กับที่ ถ้าจะจู่โจมคู่ชก จะเตะ จะหลบหลีก ต้องทำอย่างไร เรียนการออกอาวุธ การสืบเท้าเข้าหาคู่ต่อสู้ การถอย หรือฉากออก ดึงตัวหลบ ทั้งรับและรุก
ส่วนการต่อสู้จริง ก็เหมือนมวยไทยทั่วไปที่ต่อยบนเวที สอนให้รู้หลักเหลี่ยม รูปแบบการรุกและหลบ เช่น เวลาถูกจับเข้าวงใน
“ในหลักสูตรไม่มีการขึ้นชก ถ้าเด็กอยากต่อยผมจะให้เด็กเล่นกับครู ไม่ให้เล่นกันเอง เพราะจะได้ป้องกันให้ได้ แต่ส่วนใหญ่มาต้องการออกกำลังกายมากที่สุด ผมพยายามเน้นให้เขารู้จักป้องกันตัว ออกอาวุธให้ถูกต้อง แต่คนที่มา ถ้าเด็กผู้ชายอยากจะเน้นป้องกันตัว ส่วนผู้หญิงอยากจะลดน้ำหนัก”
ส่วนของผู้หญิงตรงกับข้อมูลของวิจิตรา หรือเดียร์ ที่บอกว่า “กลายเป็นเทรนด์ อยากลดน้ำหนักให้มาเรียนมวยไทย”
ด้วยส่วนผสมทั้งเคล็ดวิชา กับการจัดหลักสูตรให้เหมาะกับผู้เรียนที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดไม่ได้คาดหวังเป็นนักมวยอาชีพ ทำให้นักเรียนที่มีอยู่ราว 500 คนของโรงเรียนมวยไทยเจริญทอง มีเกือบทุกอาชีพ ตั้งแต่วงการโฆษณา นักศึกษา พนักงานต้อนรับบนเครื่อง พนักงานธนาคาร ดารา นักร้อง ครูอาจารย์ ฯลฯ
ตู้อุปกรณ์ที่มีจำหน่ายในโรงเรียน จากนวมสีดำ สีน้ำเงิน สำหรับนักชกหนุ่มๆ จึงต้องเพิ่มสีสันให้เหมาะกับกลุ่มผู้เรียนที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะนวมสีชมพูที่ขาดไม่ได้ เสื้อยืด กางเกง ซึ่งกลายเป็นอีกสีสันให้กับโรงเรียนสอนมวยไทยได้โดยปริยายด้วยเช่นกัน