ความนิยมมวยไทยในหมู่ชาวสิงคโปร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2552 หลังจากที่ ชาตรี ตรีศิริพิศาล หรืออดีตมวยเก่านาม ชาตรี ศิษย์ยอดธง นักธุรกิจลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งมี 3 บริษัทในเครืออยู่ในประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ได้เริ่มต้นเปิด Evolve Mixed Martial Arts ซึ่งเป็นสาขาแฟรนไชส์ค่ายมวย ศิษย์ยอดธง ของอดีตอาจารย์มวยไทยชื่อดัง ยอดธง เสนานันท์ ในประเทศสิงคโปร์ขึ้นเมื่อเดือนมกราคมในปีเดียวกัน
ค่ายมวยแห่งนี้เป็นค่ายมวยไทยขนาดใหญ่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ทันสมัย โดยสมาชิกต้องเสียค่าเรียนคนละ 359 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 8,328 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีการเปิดสอนศิลปะการต่อสู้หลายแขนง อาทิ Muaythai, Brazilian Jiu-Jitsu, MMA., Wresting, Submission Grappling และ Street Self Defense และ มวยสากลด้วย
ชาตรีบอกว่าสำหรับผู้มาเรียนที่นี่ 95% ต้องการต่อยมวยไทยเพื่อเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเอง ออกกำลังกาย และต้องการลดน้ำหนัก ส่วน 5% ที่เหลือคือต้องการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ประเภทอื่นๆ โดยสมาชิกที่นี่มีความหลากหลายตั้งแต่ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 6 ปีจนถึง 65 ปี และมาจากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์, ซีอีโอ, วิศวกร, บริกร, ครูอาจารย์ข้าราชการ
ในอนาคต เขามีเป้าหมายคือการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนศิลปะป้องกันตัวให้สามารถใช้ได้กับทุกที่ และอยากเปิดโรงเรียนสอนมวยไทย 50 สาขาทั่วเอเชีย
สำหรับที่มาของอดีตนักมวยผู้มีใจรักธุรกิจของชาตรีนั้นเริ่มต้นจากที่เขาเกิดและเติบโตในไทยซึ่งได้เรียนมวยไทยที่ค่ายศิษย์ยอดธงในพัทยาใต้ เป็นเวลาราว 25 ปีภายใต้การฝึกสอนของ ยอดธง เสนานันท์ และได้ขึ้นชกแข่งขันกว่า 30 ครั้งและล่าสุดได้ระดับมวยไทยมืออาชีพในปี 2551
ส่วนพื้นฐานด้านธุรกิจนั้น เขาเป็นทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนในด้านเทคโนโลยี, การเงิน, สื่อ, อสังหาริมทรัพย์ และกีฬา และใช้เวลาเพื่อการลงทุนใน Wall Street รวมทั้งยังมีส่วนร่วมในบางธุรกิจ เช่น บริษัท อสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ บริษัทด้านการเฝ้าระวัง บริษัทด้านสื่อ และบริษัทอื่นๆ โดยเขาเรียนจบปริญญาโทด้านเอ็มบีเอจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2542