พนักงาน ‘ซัมซุง’ ในเกาหลีใต้ ‘หยุดงานประท้วง’ ครั้งแรกในรอบ 55 ปี หลังเจรจาเรื่องค่าจ้างและโบนัสล้มเหลว

ดูเหมือนว่าบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง ซัมซุง บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตชิปจะงานเข้า เพราะมีพนักงานหลายหมื่นคนนัดรวมตัว หยุดงานประท้วง เนื่องจากการเจรจาขอขึ้นค่าแรงและโบนัสล้มเหลว

สหภาพซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศ (NSEU) ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สมาชิก 28,000 คน ของบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในเกาหลีใต้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทในประเทศ จะนัดหยุดงานในวันที่ 7 มิถุนายน หลังการเจรจาเรื่องค่าจ้างและโบนัสล้มเหลว

“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และเป็นการความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ แต่เรามีแผนหยุดงานประท้วงอีก หากฝ่ายบริหารปฏิเสธที่จะเจรจา โดยมีความเป็นไปได้ที่เราจะหยุดงานประท้วงอย่างเต็มรูปแบบ” ซอน วูม็อก ผู้นำสหภาพแรงงาน กล่าว

ทั้งนี้ สมาชิก NSEU จำนวนใหญ่ทำงานให้กับหน่วย เซมิคอนดักเตอร์เรือธง ของซัมซุง โดยบริษัทกำลังพยายามผลักดันแผนกดังกล่าว เพื่อให้บริษัทขึ้นกลับไปเป็นผู้นำเซมิคอนดักเตอร์ของตลาด หลังจากที่ซัมซุงตามหลังคู่แข่งอย่าง SK Hynix และ Micron Technology ในการส่งมอบชิปที่ใช้ในโปรเซสเซอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงได้ออกมาแถลงว่า การนัดหยุดดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตและการจัดการ เนื่องจากการหยุดดังกล่าวอยู่ระหว่างวันหยุดนักขัตฤกษ์เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) กับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และจะกลับมาทำงานตามปกติในสัปดาห์หน้า

ที่ผ่านมา ซัมซุงต้องเจอกับช่วงเวลายากลำบากในช่วงที่ COVID-19 ระบาด เนื่องจากการ าดแคลนชิป และมาปีที่ผ่านมา ความต้องการชิปในตลาดก็ลดลง เนื่องจากความต้องการอุปกรณ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

แต่มาปีนี้ที่เทรนด์ของเอไอกำลังเติบโต ทำให้ความต้องการอุปกรณ์มือถือที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ และเมื่อเดือนที่แล้ว ซัมซุงได้รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกที่ เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าความต้องการเอไอ และชิประดับไฮเอนด์จะมีสูงขึ้น

ขณะที่ไมโครชิปขั้นสูงส่วนใหญ่ของโลกผลิตขึ้นในสองแห่งเท่านั้น คือ ไต้หวันและเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมของไต้หวันมีขนาดใหญ่กว่าและมีความโดดเด่นมากกว่า แต่เกาหลีใต้เองก็พยายามจะขึ้นไปทาบกับไต้หวัน

Source