บิ๊กมูฟ! “นูโทรจีนา” แตกไลน์กลุ่ม “เรตินอล” มาช้าแต่ชัวร์ หลังเน้นกลุ่มคลีนเซอร์มานาน

ตลาดบิวตี้ยังเป็นเป็นตลาดดาวรุ่งที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเติบโตทั้งในส่วนของสกินแคร์ และเครื่องสำอาง แต่ด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพทำให้สาวๆ หลายคนเริ่มใส่ในในการดูแลผิวแบบองค์รวมมากขึ้น ทำให้ตลาดสกินแคร์เติบโตแบบไม่ต้องสงสัย

ตลาดสินค้าสกินแคร์บำรุงผิวหน้าในไทยมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 13% ในปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องบอกว่าแต่เดิมประเทศไทยมีค่านิยมด้านความงามที่เน้นผิวขาว กระจ่างใส ผิวขาวอมชมพู หุ่นดี แบรนด์ต่างๆ จึงเน้นทำสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค สกินแคร์กลุ่มผิวกระจ่างใสจึงเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดของกลุ่มสกินแคร์

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสาวๆ เริ่มให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติมากขึ้น แล้วเน้นที่สุขภาพของผิวไม่ว่าจะเป็นความชุ่มชื่น ผิวแข็งแรง รวมไปถึงเมื่อก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องริ้วรอยมากขึ้น โดยหันมาใส่ใจดูแลผิวด้วยสกินแคร์ล็อกอายุผิวที่ตอบโจทย์ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า สกินแคร์กลุ่มแอนตี้เอจจิ้ง หรือลดริ้วรอยเริ่มมีบทบาทมากขึ้น หลายแบรนด์เริ่มเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มนี้ หรือแบรนด์ไหนที่มีอยู่แล้วก็กลับมาให้น้ำหนักมาขึ้น ออกสินค้าใหม่มากขึ้น 

แต่ก่อนในตลาดรวมนั้น กลุ่มผิวกระจ่างใส หรือไวท์เทนนิ่งจะมีสัดส่วนถึง 60-70% แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนลดลงมาที่ 50% และกลุ่มแอนตี้ เอจจิ้งมีสัดส่วน 40% ทำให้ได้เห็นทิศทางของการเติบโตของตลาดได้อย่างดี

Neutrogena

“นูโทรจีนา (Neutrogena)” หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสกินแคร์สัญชาติอเมริกัน แต่เดิมคนไทยอาจจะคุ้นเคยกับสินค้ากลุ่ม “ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า” เพราะเป็นพอร์ตใหญ่ของนูโทรจีนา ประเทศไทย

ในปีนี้นูโทรจีนาได้เขย่าพอร์ตด้วยการขยับไปสู่กลุ่ม “เรตินอล” เป็นครั้งแรก รับเทรนด์แอนตี้ เอจจิ้ง ได้เปิดตัว “NEUTROGENA® VISIBLE REPAIR (นูโทรจีนา วิซิเบิล รีแพร์)” ชูจุดแข็งด้วยนวัตกรรม Dual Action ดูแลผิวสองขั้นตอนในหนึ่งเดียว ด้วยเรตินอล ผสานกับแอนตี้ออกซิแดนซ์ ลดริ้วรอยลึกใน 7 วัน และลดโอกาสเกิดริ้วรอยใหม่ 

หลายคนมองว่ากลุ่มสินค้าเรตินอลเริ่มได้ยินมานานแล้ว หลายแบรนด์ได้ออกสินค้ากันโครมคราม ดูจะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่ที่ผ่านมาสารเรตินอลมีข้อจำกัดที่ว่าบางคนใช้แล้วแพ้ หรือต้องใช้ควบคู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์หนาๆ รวมไปถึงไม่สามารถใช้ได้ทุกวัน เพราะจะเกิดการระคายเคืองต่อผิว

นูโทรจีนาจึงมองว่า มาช้าแต่ขอชัวร์ ใช้เวลา 1-3 ปีในการพัฒนากลุ่มเรตินอล โดยอุดช่องว่างต่างๆ ที่เคยมีมา พัฒนาให้สินค้าใช้ได้ทุกวันโดยไม่ระคายเคือง โดยเปิดตัวในระดับโกลบอลได้หลายปีแล้ว แต่ได้ฤกษ์เปิดตัวในโซนเอเชียในปีนี้ โดยเปิดตัวที่ไต้หวันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่เปิดตัวสินค้าตัวนี้

Neutrogena

ชวีนา จิตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นูโทรจีนา ประจำประเทศไทย กัมพูชา ลาว และเมียน มา เล่าว่า 

“การเปิดตัวสินค้าตัวนี้ถือเป็นบิ๊กมูฟครั้งใหญ่ในรอบ 4-5 ปีของนูโทรจีนา ประเทศไทย ไม่ได้ออกสินค้าใหม่มานาน แต่ก่อนแบรนด์จะแข็งแรงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ล้างหน้า การมีสินค้าเรตินอลเข้ามาช่วยมาเสริมพอร์ตกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ ทำให้มีพอร์ตสินค้ากว้างขึ้น เราอาจจะมาช้า แต่เน้นชัวร์ พัฒนาสินค้าให้ลูกค้าใช้แล้วไม่แพ้ สามารถใช้ได้ทุกวัน”

NEUTROGENA® VISIBLE REPAIR สูตรเรตินอล มีทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่

– นูโทรจีนา วิซิเบิล รีแพร์ เรเจเนเรทติ้ง ครีม สูตรเรตินอล (Regenerating Cream) 

– นูโทรจีนา วิซิเบิล รีแพร์ เซรั่ม สูตรเรตินอล (Serum) 

– นูโทรจีนา วิซิเบิล รีแพร์ ครีมบำรุงรอบดวงตา สูตรเรตินอล (Eye Cream) 

จำหน่ายในราคาชิ้นละ 999 บาท โดยสินค้าจะวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบิวตี้สโตร์ และอีคอมเมิร์ซ โดยที่มีเซตขนาดทดลองในราคา 599 บาท เฉพาะที่วัตสัน

ปัจจุบันนูโทรจีนา ประเทศไทยมีสินค้าใน 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า 60% มอยเจอร์ไรเซอร์ 30% และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย 10% หลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่ คาดว่าสัดส่วนสินค้ากลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์จะมีสัดส่วน 50% 

การเปิดตัวสินค้ากลุ่มเรตินอลในครั้งนี้ ยังมีนัยสำคัญในการปรับภาพแบรนดิ้งให้พรีเมียมขึ้นอีกด้วย โดยที่ Positioning ของระดับโกลบอลเป็นสกินแคร์ในระดับเวชสำอางแล้ว เพราะมีสินค้าที่หลากหลาย ส่วนในประเทศไทยวางจุดยืนเป็นสกินแคร์ระดับพรีเมียมแมส แต่ไม่เกิน 2 ปีจะเริ่มขยับภาพเป็นเวชสำอางเช่นกัน โดยที่จะมีสินค้าตัวใหม่เข้ามาเติม น่าจะได้เห็นอีกทีในปีหน้า