ยุคนี้การมีแอพพลิเคชั่นกำลังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแบรนด์ในการสื่อสารกับลูกค้า มาดูขั้นตอนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ “ว้าว” ควรทำอย่างไร
ขั้นตอนที่ 1 ต้องเข้าใจแอพพลิเคชั่นของตัวเอง เสียก่อนว่ามีจุดเด่นตรงไหนก่อนสื่อสารออกไป เพราะในตลาดมี Apps ที่คล้ายกันจำนวนมาก ถ้าอยากให้คนรู้จักต้องหาจุดเด่นให้เจอเพื่อใช้เป็นหลักในการทำตลาดในขั้นต่อไป วิธีการค้นหาง่ายๆ อย่างน้อยต้องตอบ 3 คำถามนี้ให้ได้ หนึ่ง-อะไรคือเอกลักษณ์ของ Apps อาจจะลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ เช่น มีฟีเจอร์อะไร กราฟิก เสียง ฟังก์ชันอะไรที่โดดเด่น ซึ่งการลิสต์สามารถนำไปใช้ในขั้นตอนการพัฒนาได้ด้วย
สอง-กลุ่มเป้าหมายคือใคร ใครที่จะซื้อ Apps หรือใครที่บริษัทอยากขาย Apps วัยรุ่น คนทำงาน สูงอายุ หรือเป็น Apps เฉพาะทาง เพราะถ้าเข้าใจลูกค้าก็จะช่วยให้วางแผนการตลาดได้ถูกทางมากขึ้น
สาม-คู่แข่งเป็นใคร จะชนกับรายใหญ่ในธุรกิจนั้นๆ หรือไม่ ถ้ารู้คู่แข่งจะทำให้วางกลยุทธ์ที่จะต่อกรได้ถูกเช่นกัน
ขั้นตอนที่ 2 นำแมสเสจที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ความต้องการ Apps จะได้รับความสนใจก็ต่อเมื่อกลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่า Apps นั้นมีวิธีการแก้ปัญหาให้พวกเขา หรือพวกเขามีความต้องการใช้อยู่แล้ว การสื่อสารการตลาดเป็นสิ่งที่เจ้าของ Apps ต้องทำเพื่อให้ App ที่ทำขึ้นรับรู้และนึกถึงเมื่อมีการต้องการ App ประเภทเดียวกัน
หาวิธีอธิบายด้วยภาพสำหรับ App ให้ชัดเจนที่สุดสำหรับวางไว้ใน App Store และในเว็บไซต์ของ App ตัวเอง นอกเหนือจากรายละเอียดที่จะใส่ไว้ในเว็บไซต์ของตัวเอง และที่ลืมไม่ได้อย่าลืมทำไอคอนให้กด Buy Now ไว้ชัดๆ ในเว็บไซต์ของคุณเอง หรือเพื่อนำผู้ซื้อไปที่ App Store เพื่อดาวน์โหลด App ได้ทันที
เทคนิคการสื่อสารที่นิยมมากอย่างหนึ่งของตลาด App คือการใช้โซเชี่ยลมีเดีย อาจจะใช้เพื่อทำ Teaser ให้กับ App ของคุณก่อนเปิดขาย ใช้สื่อสารพูดคุยกับผู้สนใจหรือกลุ่มลูกเค้าในอนาคตแล้วเปลี่ยนให้เขามาเป็นลูกค้าในภายหลัง ซึ่งมีลูกเล่นมากมายให้คุณขาย App ได้หลายวิธี หรือแม้แต่ใช้เช็คความสนใจของกลุ่มเป้าหมายก็ยังได้
ขั้นตอนที่ 3 ตั้งราคาดาวน์โหลดที่คิดว่าเกิดประสิทธิภาพในการขายที่สุด
ถ้าอยากจะขายถูกสุดที่ 0.99 เหรียญ ก็อาจจะยากที่ App ของคุณจะได้รับการค้นเจอด้วยราคาเพราะ Apps ราคานี้ เท่าที่มีอยู่ก็เกินหมวด Top 100 ไปมากแล้ว วิธีที่ดีกว่าคือลองเช็กราคาของคู่แข่งหรือ Apps ที่คล้ายกันดูก่อน ถ้าเชื่อว่า App ตัวเองเจ๋งกว่าก็ไม่ต้องกลัวที่จะตั้งราคาให้สูงกว่า
การตั้งราคาสูงกว่าก็มีข้อดีด้วย ตรงที่มีช่องว่างให้คุณทำโปรโมชั่นลดราคาหรือเปิดช่วงทดลองฟรี เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าสินค้าอะไร คนส่วนใหญ่จะซื้อเพราะคุณภาพและคุณประโยชน์ที่เขาจะนำไปใช้ได้จริงตามความต้องการได้อย่างพอใจ
ขั้นตอนที่ 4 สรุปแผนการตาดสำหรับ App ได้เลย
เมื่อแมสเสจพร้อม เครื่องมือการตลาดครบ ได้วิธีการเหมาะสม คุณก็เริ่มสร้างแคมเปญการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เลย ซึ่งนอกจากแมสเสจที่ชัดก็ต้องเลือกสื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้วย แผนการตลาดไม่จำเป็นว่าต้องยืดเยื้อยาวนาน แต่ต้องกำหนดขั้นตอนที่จะใช้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ชัด และมองให้ออกด้วยว่าผลตอบรับแต่ละขั้นตอนจะเป็นอย่างไรเมื่อ App คุณเปิดตัวไปแล้ว
เมื่อพร้อมทุกขั้นตอนแล้ว ถ้ามีไอเดียพัฒนา App ดีๆ ก็ปล่อยออกมาเลย เพราะยุคนี้ใครก็มีโอกาสเป็น Appillionaire ได้ทั้งนั้น