หลังจากที่เปิดตัวสาขาแรกไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา ยังไม่ทันครบปี ป๊อป มาร์ท (POP MART) ก็สามารถขยายสาขาไปถึง 5 สาขา โดยล่าสุดได้มาเปิดสาขาใหม่ ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่ย่านทำเลทองอย่าง เมกา บางนา (MEGA BANGNA) โดย Wang Ning ผู้ก่อตั้ง ก็ได้มาร่วมเปิดสาขาใหม่ด้วยตัวเอง ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของตลาดไทย
เชื่อไทยจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของลาบูบู้
ในที่สุด POP MART Store สาขาที่ 5 ของไทยก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ศูนย์การค้าเมกา บางนา ชั้น 1 โซนหน้า IKEA โดยใช้ ลาบูบู้ (LABUBU) เป็นธีมหลักในการออกแบบและตกแต่ง นอกจากนี้ ยังได้เปิด POP MART CONCEPT STORE ในธีมลาบูบู้ครั้งแรกของโลก และใหญ่ที่สุดในอาเซียนอีกด้วย
โดยในการเปิดตัวนี้ Wang Ning ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ POP MART ได้มาร่วมงานเปิดตัว โดยระบุว่า งานดังกล่าวถือเป็น งานลาบูบู้แรกที่จัดในไทย และเชื่อว่าอนาคต ลาบูบู้จะมีไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 พร้อมกับย้ำว่า จากนี้ก็จะมีสินค้าและบริการออกมาเพื่อให้แฟน ๆ ได้เซอร์ไพรส์
“ตอนนี้เราอยู่ระหว่างเตรียมพร้อม โดยอนาคตจะมีสินค้าลาบูบู้มาเปิดตัวที่ไทยอีกแน่นอน เพราะไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของ POP MART” Wang Ning ย้ำ
ไทยขายลาบูบู้ดีสุดในโลก
ศิริพร แผลงจันทึก Country Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ถ้าออกนอกตลาดจีน ไทยถือเป็นประเทศที่ลาบูบู้ขายดีที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 30 ประเทศทั่วโลก โดยสามารถขายหมดได้ภายในวันเดียว และไทยถือเป็นประเทศที่ได้สต็อกมากที่สุดในอาเซียน นี่จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เฮดควอเตอร์ยอมให้ เปิดสโตร์ในธีมลาบูบู้เป็นที่แรกของโลก
“ไทยเป็นประเทศที่คลั่งลาบูบู้ที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศทั่วโลก และที่เราเลือกเปิดที่เมกา บางนา เพราะมีฐานกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มครอบครัวและคนรุ่นใหม่ ซึ่งแมตช์กับลาบูบู้ ทางเฮดควอเตอร์เลยอนุมัติให้เปิดสโตร์ธีมลาบูบู้” ศิริพร อธิบาย
โดยสาเหตุที่ทำให้ลาบูบู้เป็นคาแรกเตอร์ยอดนิยมในไทย เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นจาก อินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะ ลิซ่า ประกอบกับคอลเลกชั่น มาการอง ที่เป็น พวงกุญแจ ทำให้สถานะเปลี่ยนจากของสะสมเป็น accessory ที่ไปอยู่ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งปัจจุบัน ลาบูบู้และครายเบบี้ (Cry Baby) ถือเป็น 2 คาแรกเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ตามด้วยฮิโรโนะ (Hirono), มอลลี่ (Molly) และสคัลแพนด้า (Skull Panda)
“คนไทยค่อนข้างเปิดรับเทรนด์ใหม่ง่าย ๆ ทำให้กระแสอาร์ตทอยในไทยเริ่มมา ซึ่งตอนนั้นคนไทยไม่ได้ชอบลาบูบู้เป็นอันดับ 1 แล้วพอน้องลิซ่าชอบ ทำให้ตลาดขยายไปในวงกว้าง เข้าถึงทั้งเด็ก, ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ทำให้ตั้งแต่นั้นมีของเท่าไหรก็ไม่เคยพอ”
ไทยผู้สร้างแรงกระเพื่อมให้อาเซียน
ไทยถือเป็นประเทศที่เฮดควอเตอร์ให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่ยอดขายในตลาดไทยเท่านั้น แต่วัดจากทั้งการที่แฟน ๆ ไปรอต้อนรับศิลปิน หรือการที่ คนไทยไปซื้อสินค้าในสโตร์ต่างประเทศ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่ สร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดอาเซียน ซึ่งปัจจุบันสต็อกสินค้า ไทยก็ได้มากที่สุด
“เฮดควอเตอร์มองเห็นกระแส มองเห็นว่าคนไทยชอบ อย่าง POP MART สาขาใหม่ในเวียดนาม ก็มีคนไทยรอข้ามคืนเพื่อซื้อของ ซึ่งเราพยายามเพิ่มการสั่งซื้ออยู่ตลอด แต่ตอนนี้เต็มคาปาซิตี้การผลิตของโรงงานแล้ว ”
ปีนี้อาจเห็นสาขาใหม่อีก 1 สาขา
สำหรับแผนการขยายสาขา ไม่ได้มีตายตัวว่าจะขยายปีละกี่สาขา แต่ต้องการให้คลอบคลุมในกรุงเทพฯ ก่อน เพราะขึ้นอยู่กับความพร้อมของโลเคชั่น แต่ในสิ้นปีอาจเห็นสาขาใหม่อีก 1 สาขา หรืออย่างช้าก็เป็นต้นปีหน้า เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพูดคุย
ทั้งนี้ บริษัท ไม่ต้องการเน้นปริมาณ แต่ต้องการให้ POP MART แต่ละสาขาเป็นจุดมุ่งหมายของโลเคชั่นนั้น ๆ และแต่ละสาขาก็จะ ตกแต่งไม่เหมือนกัน เพื่อสร้างความตื่นเต้นและให้แฟน ๆ ไปให้เยือนให้ครบทุกที่ โดยปัจจุบัน สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสาขาที่ขายดีที่สุด ส่วนอีก 4 สาขามียอดขายใกล้เคียงกัน โดยเฉลี่ยแต่ละสโตร์มีผู้เข้าชมประมาณ 1 พันคน/วัน
พยายามสร้างระบบให้แฟร์กับนักสะสม
ศิริพร ย้ำว่า ไม่ได้มองว่า ตลาดรีเซลล์เป็นปัญหา ตราบใดที่ทำตามกติกา เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่ก็เป็นนักสะสมมาก่อน โดย POP MART ประเทศไทยก็พยายามทำให้ แฟร์ กับนักสะสมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นระบบ จองคิวออนไลน์ และต้องยืนยันสิทธิ์ให้ตรงตามบัตรประชาชนที่ลงทะเบียน รวมถึงการเพิ่มระบบ POS เพื่อให้ร้านบริหารจัดการได้เร็วขึ้น
“เราเองก็พยายามทำมาตรการให้แฟร์ที่สุดสำหรับทุกคน และเราก็เข้าใจถึงปัญหาเว็บล่ม แต่ต้องอธิบายว่ามันทั้งคนลงทะเบียนเยอะ และมีผู้ไม่หวังดีโจมตี เราเองก็ลงทุนกับไอทีตลอด เพราะต้องคอยเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้ถูกโจมตี”
พยายามสร้างเซอร์ไพรส์ใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นกระแส
ในส่วนของเซอร์ไพรส์ใหม่ ๆ ศิริพร ยืนยันว่า มีแน่นอน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยที่ผ่านมา POP MART ก็พยายามดึงศิลปินให้มาทำกิจกรรมที่ไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับศิลปินจะไปอีเวนท์ของประเทศไหน เพราะศิลปินต้องเวียนไปทำกิจกรรม POP MART ทั่วโลก
ในส่วนของการผลัดดันศิลปินไทยก็ทำเต็มที่ แต่ผู้ตัดสินคือ เฮดควอเตอร์ที่จะเลือกคาแรกเตอร์จากศิลปินคนไหนไปผลิตสินค้า ซึ่งไทยเองก็ต้องแข่งขันกับศิลปินจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นต้น
“เราดันเต็มที่ แต่ตัวตัดสินคือ คุณภาพของคาแรกเตอร์ที่ศิลปินออกแบบ เพราะ POP MART ก็อยากได้ของมาขาย ซึ่งปัจจุบัน POP MART มีคาแรกเตอร์ในมือกว่า 10 IP และมีสินค้าใหม่ออกทุกวันศุกร์”