แม้คนจะมองว่า สินค้าลักชัวรี จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก เพราะคนซื้อส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีกระเป๋าหนัก แต่กลายเป็นว่าในช่วง Q1/2024 ยอดขายของกลุ่ม LVMH หดตัว 2% หรืออย่าง Swatch Group แบรนด์นาฬิกาหรูก็มียอดขายลดลง 14% ในช่วงครึ่งปีแรก
ล่าสุด เบอร์เบอรี่ (Burberry) แบรนด์สินค้าหรูสัญชาติอังกฤษ ก็ประสบปัญหายอดขายหดเช่นกัน โดยผลประกอบการไตรมาส 1 ประจำปีงบประมาณ 2025 (3 เดือนจนถึง 29 มิ.ย. 2024) มียอดขายลดลง -21% และ Burberry ยังอาจทำกำไรไม่ถึงเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ในปีงบประมาณนี้ได้
ส่งผลให้ Jonathan Akeroyd CEO ของบริษัท ถูกปลดทันที โดยบริษัทได้ Joshua Schulman ที่เคยดํารงตําแหน่ง CEO ที่ Coach และ Michael Kors Akeroyd มาเป็น CEO ของ Burberry แทน โดย Burberry เป็นแบรนด์ที่เปลี่ยน CEO ทุก 4-5 ปี นับตั้งแต่ปี 2018
โดยตลาดสินค้าลักชัวรีปีนี้อาจไม่ได้สดใสเหมือนที่ผ่านมานัก โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และจีน อย่างในตลาดสหรัฐฯ ยอดขายของ Burberry ประจำปีงบประมาณ 2024 ลดลงถึง -12% นอกจากนี้ Burberry ยังออกมาคาดการณ์ว่า กำไรของบริษัทจะลดลง 40% และจะยกเลิกเงินปันผล ส่งผลให้ หุ้นร่วงลง 17%
แม้ทางด้าน CEO จะออกมาพูดถึงความท้าทายของตลาดลักชัวรีในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี แต่หลายฝ่ายมองว่า อีกปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของ Burberry หดตัวก็คือ การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทำให้แบรนด์อายุ 168 ปีสิ้นเสน่ห์ โดย Gerry Murphy ประธาน Burberry ยังยอมรับว่า ผลประกอบการ Q1/2025 น่าผิดหวัง
“เราคาดว่าการดําเนินการที่เรากําลังทำอยู่ รวมถึงการประหยัดต้นทุน จะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งหลังของเรา เพื่อเสริมสร้างตําแหน่งการแข่งขันของเรา และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว” Gerry Murphy กล่าว
โดย Burberry ซึ่งเป็นที่รู้จักกันจากกระเป๋าหิ้วใบเล็ก ๆ ของผู้หญิง โดยแบรนด์มองว่าจะเปลี่ยนโฟกัสไปที่ลูกค้าระดับไฮเอนด์และนําเสนอสินค้าลักชัวรีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ในเดือนสิงหาคม