ประเมินวิกฤติไอทีล่มทั่วโลกจาก ‘CrowdStrike’ สูงกว่า 3.6 หมื่นล้าน และบริษัทอาจเสียลูกค้า 5% ไปจากเหตุการณ์นี้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลายคนอาจได้เลิกงานเร็วจากวิกฤต ‘Windows’ ล่ม เนื่องจากการอัปเดตบริการความปลอดภัยจาก ‘CrowdStrike’ ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมอย่างหนัก

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์รายหนึ่ง ประเมินว่าเป็น การหยุดทํางานด้านไอทีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ Windows ราว 8.5 ล้านเครื่อง แม้จะคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% แต่มันนําไปสู่การ ยกเลิกเที่ยวบิน ของสายการบินพาณิชย์มากกว่า 5,000 เที่ยวบินทั่วโลก และขัดขวางธุรกิจตั้งแต่การขายปลีกไปจนถึงการจัดส่งพัสดุไปจนถึงขั้นตอนในโรงพยาบาล

Patrick Anderson ซีอีโอของ Anderson Economic Group ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยในมิชิแกนที่เชี่ยวชาญด้านการประเมินต้นทุนทางเศรษฐกิจของเหตุการณ์ต่าง ๆ ประเมินว่า ความเสียหายของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36,000 ล้านบาท แม้ว่า CrowdStrike จะออกมาขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่บริษัทยังไม่พูดถึง ค่าชดเชยแก่ลูกค้า 

“การหยุดทํางานนี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและธุรกิจมากขึ้นในลักษณะที่มีตั้งแต่ความไม่สะดวกไปจนถึงการหยุดชะงักอย่างร้ายแรง และส่งผลต่อต้นทุนที่เสียไปและไม่สามารถคืนได้ง่าย โดยเฉพาะในธุรกิจสายการบิน เพราะต้องสูญเสียรายได้จากเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก แถมยังต้องเสียค่าแรงและค่าเชื้อเพลิงสำหรับความล่าช้าอย่างมาก”

นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ามีลูกค้า CrowdStrike กี่รายที่บริษัทอาจสูญเสียไป แต่ Wedbush Securities ประเมินว่า อาจมีลูกค้าประมาณ 5% ที่อาจเลิกใช้บริการบริษัทไปใช้ที่อื่นแทน อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเหมือนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อย แต่จุดสำคัญคือ CrowdStrike จะ หาลูกค้าใหม่ยากขึ้นแน่นอน

“วิกฤตที่แท้จริงต่อ CrowdStrike ก็คือ ชื่อเสียงที่เสียหาย ที่จะทําให้ยากต่อการเอาชนะใจลูกค้าใหม่ วันนี้ CrowdStrike กลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก แต่ไม่ใช่ในทางที่ดี” Ives กล่าว

ทั้งนี้ George Kurtz ซีอีโอของ CrowdStrike กล่าวในการให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า บริษัทได้มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และจนถึงขณะนี้ เขาเชื่อว่าลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจแล้ว

Source