AIS แท็กทีม Oracle ปลดล็อกบริการ AIS Cloud ระดับ Hyperscale Cloud ครั้งแรกในไทย ทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ Digital Economy


เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความร่วมมือระดับประเทศ ที่ช่วยยกระดับบริการคลาวด์ในประเทศไทยให้ล้ำขึ้นไปอีกก้าว สำหรับการจับมือร่วมกันของ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง AIS และ Oracle ที่ได้ประกาศความร่วมมือในการเปิดตัวบริการคลาวด์ในระดับ Hyperscale Cloud เป็นครั้งแรกในไทย โดยความร่วมมือนี้เป็นการผสานเอาจุดแข็งของทั้งสองในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่ Digital Economy ได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต

AIS ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ตลอดระยะเวลา 34 ปี ได้พัฒนาเครือข่าย และบริการ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งระดับผู้บริโภค และระดับองค์กร ซึ่งได้เปิดตัวกลุ่มธุรกิจ Business Cloud และ IoT Solution ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อตอบรับลูกค้าองค์กรภาคธุรกิจ

ส่วนทาง Oracle มีบริการคลาวด์มากกว่า 100 บริการ ความร่วมมือนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการปลดล็อกขีดจำกัดในการใช้งานคลาวด์ระดับ Hyperscale Cloud สำหรับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center

ภายใต้ความร่วมมือนี้องค์กรสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ของ Oracle (OCI) ที่มีมากกว่า 100 บริการ รวมถึงความสามารถด้าน AI ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ด้วยระบบ และบริการ Sovereign Cloud ที่มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมในการทำระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล (DR: Disaster Recovery) ในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย เพื่อให้ใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า

“กว่า 34 ปีที่ผ่านมา AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดียิ่งกว่า ควบคู่ไปกับการนำศักยภาพโครงข่ายมาผสมผสานผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการทำงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน

โดยเฉพาะเทคโนโลยีคลาวด์ที่มีส่วนสำคัญในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร จากการศึกษาข้อมูล พบว่าในช่วงปี 2565-2570 ใน 4 ธุรกิจ ได้แก่ คลาวด์ ไอโอที (IoT) ดาต้าเซ็นเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นธุรกิจที่มาแรง เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% ต่อปี จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ AIS ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle

บริการ AIS Cloud สร้างประสบการณ์ใหม่ด้วยบริการคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัย และการปกป้องข้อมูลที่สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทย เน้นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการที่ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ ความสำคัญอีกหนึ่งอย่างของความร่วมมือนี้ก็คือ การที่ประเทศไทยมีบริการ Hyperscale Cloud เป็นครั้งแรก จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีในภูมิภาค และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน และบริษัทข้ามชาติได้

รวมไปถึงการนำเสนอความสามารถด้าน AI และบริการคลาวด์ที่หลากหลายของ Oracle ช่วยสร้างความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ AIS ในตลาดได้อีกด้วย

ทางด้าน การ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า

“การมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเราเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า”

โดยที่ทาง IDC ได้คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31.5% ต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่เอเซียแปซิฟิค แสดงให้เห็นถึง 19% ขององค์กรในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการคาดการณ์การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ระบบคลาวด์แบบกระจายของ Oracle มอบประโยชน์ของคลาวด์พร้อมการควบคุมและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • คลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) : ภูมิภาคคลาวด์สาธารณะขนาดใหญ่สามารถให้บริการแก่องค์กรทุกขนาด รวมถึงองค์กรที่ต้องการการควบคุมความเป็นส่วนตัวในสหภาพยุโรปอย่างเข้มงวด ดูรายการภูมิภาคทั้งหมดได้ที่ https://www.oracle.com/emea/cloud/public-cloud-regions/
  • คลาวด์เฉพาะ (Dedicated Cloud) : ลูกค้าสามารถใช้งานบริการคลาวด์ของ OCI ทั้งหมดในศูนย์ข้อมูลของตนเองด้วย OCI Dedicated Region ขณะที่พันธมิตรสามารถขายต่อบริการคลาวด์ของ OCI และปรับแต่งประสบการณ์ด้วย Oracle Alloy ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แต่ละรายการให้บริการคลาวด์และ AI ที่ครบถ้วนซึ่งลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็น Sovereign Cloud ได้
  • ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) : OCI ให้บริการคลาวด์หลักในสถานที่ของลูกค้าผ่าน Oracle Exadata Cloud@Customer และ Compute Cloud@Customer และกำลังจัดการการปรับใช้งานในกว่า 60 ประเทศแล้ว
  • มัลติคลาวด์ (Multi Cloud) : ตัวเลือกต่างๆ รวมถึง Oracle Database@Azure, HeatWave MySQL บน AWS และ Microsoft Azure, Oracle Interconnect สำหรับ Microsoft Azure และ Oracle Interconnect สำหรับ Google Cloud ช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมความสามารถหลักจากคลาวด์ต่างๆ ได้