ในปี 2563 WHO ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตและทุพลภาพของประชากรทั่วโลกในปี ค.ศ.2000-2019 พบว่า การเสียชีวิตจากโรคเบาหวานทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 70% โดยเฉพาะในหมู่ประชากรโลกที่เป็นเพศชายที่มีอัตราเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 80% ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุของโรคเบาหวานนั้นมาจากโรคอ้วน
ซึ่งในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเบาหวานของ WHO ยังพบว่า การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชากรทั่วโลกจากโรคเบาหวาน เพิ่มขึ้นถึง 5% ในระหว่างปี ค.ศ.2000 ถึงปี ค.ศ.2016 และมีตัวเลขประมาณการว่าการเสียชีวิตของประชากรราวๆ 1.5 ล้านคนทั่วโลกในปี ค.ศ.2019 โดยมีเด็กในอังกฤษที่อายุต่ำกว่า 19 ปีป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 36,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีจำนวน 31,500 คนในปี 2015
ที่ผ่านมารัฐบาลอังกฤษได้พยายามในการลดจำนวนของผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนอันเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ด้วยการหันมาออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร การใช้กฎหมายบังคับเพื่อพยายามลดขนาดรอบเอวของพลเมืองอังกฤษ ตามอย่างประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการระบุปริมาณแคลอรีในเมนูอาหาร ทางรัฐบาลยังเดินหน้าพิจารณาการแสดงปริมาณแคลอรีในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีการเปิดตัวแคมเปญสุขภาพที่ดีขึ้นไปพร้อมกับมาตรการรับมือปัญหาโรคอ้วน เป็นต้น
ล่าสุดได้มีนโยบายในการลดปัญหาโรคอ้วนในเด็ก โดยการสั่งห้ามโฆษณาเครื่องดื่ม และอาหารฟาสต์ฟู้ดส์ทางโทรทัศน์ ก่อนเวลา 21.00 น. และนโยบายนี้จะใช้ควบคู่ไปกับการโฆษณาในออนไลน์แบบชําระเงินทั้งหมดเช่นกัน โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ซึ่งโยบายกำหนดเวลาเผยแพร่โฆษณาเครื่องดื่มและอาหารฟาสฟู้ดส์ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในปี 2021 สมัยที่ บอริส จอห์นสัน เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยถูกพูดถึงนโยบายนี้มาก่อน เนื่องจากบอริส เป็นหนึ่งในคนที่มีน้ำหนักเกิน และในเดือน เม.ย. ปี 2020 เขาได้เผชิญกับการป่วยโรคโควิด – 19 ด้วยตัวเองจนถึงขั้นต้องเข้าห้องไอซียู และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลาหลายวันกว่าจะเอาตัวรอดจากโรคนี้ได้นั่นเอง
ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลฯ มีการดำเนินการเรื่องข้อตกลงและปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เกี่ยวกับร่างมาตรการสําหรับผลิตภัณฑ์ ธุรกิจ และบริการที่ครอบคลุมรายการอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงนมผงสําหรับทารก อาหารแปรรูปจากธัญพืชสําหรับทารก ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหาร เครื่องดื่มยา และผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารที่ได้รับอนุมัติด้วย
ที่มา : BBC