ปัจจุบันการมีอยู่ของเทคโนโลยีทำให้เทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดความต้องการที่แตกต่างของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะเรื่องการบริการ ที่ต้องมีความเข้าใจและสามารถช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้คนง่ายสะดวกสบายยิ่งขึ้น
แต่ในความง่ายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เช่น การที่บางคนถือว่ากะเพราเป็นเมนูง่ายๆ แต่ในขณะที่เมนูง่ายๆ ของคนอีกกลุ่มอาจเป็นข้าวผัดหมูสับ จึงเป็นความท้าทายของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการเงิน ที่ต้องปรับตัวและหาหนทางในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล
ทฤษฎีไข่ดาว ความง่ายที่ไม่เหมือนกัน
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยมองหาทางเลือกที่เน้นความง่าย ในการตอบโจทย์ความต้องการ แต่นิยามของคำว่าง่ายของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน จากปัญหาที่เจอตรงนี้จึงเป็นที่มาของแคมเปญ ‘ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน’ โดยมีภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ที่พูดถึง ทฤษฎีไข่ดาว ที่สะท้อนความชอบและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันแต่มีความง่ายเป็นจุดร่วมเดียวกันของผู้บริโภค เปรียบเหมือนเมนูไข่ดาวที่หลายคนอาจมองว่าง่ายแต่มีความแตกต่างในวิธีการทำ
สอดคล้องกับการสำรวจที่กรุงศรีพบว่า กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันมีความง่ายในเรื่องของการใช้จ่ายเงิน แต่แตกต่างกันตรงที่
- กว่า 35% ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของแบรนด์ มีคุณภาพดี พร้อมจะลงทุนเพื่อสถานะและสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง
- 16% เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินแบบเน้นแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ และจะชอบประสบการณ์ในการเดินดูของมากกว่าการซื้อของ
- 15% กลุ่มที่ใช้จ่ายเงินแบบประหยัด จะไม่ซื้อถ้าไม่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธของใหม่ตราบใดที่เป็นของมีคุณภาพดี
- 14% กลุ่มลูกค้าที่ใช้จ่ายเงินเพื่อสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ และเป็นสินค้ากลุ่ม eco หรือ sustainable
- 13% ใช้จ่ายเงินในการซื้อของแบรนด์ที่ลดราคา
- 10% ใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังและพร้อมจะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าหรือบริการที่ตนเองเชื่อใจ
ลบภาพแบรนด์ที่ถูกมองว่ามีอายุ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่
หากมองย้อนกลับไปช่วงปี 2011 ธุรกรรมทางการเงินในสมัยนั้น ถือเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อนสำหรับหลายๆคน ทำให้กรุงศรี ได้ริเริ่มสร้างความแตกต่าง ด้วยการทำให้ เรื่องเงิน กลายเป็น เรื่องง่ายสำหรับลูกค้า ผ่านผลิตภัฑณ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ อาทิ ประกันกล่อง ที่ทางธนาคารทำออกมาให้อยู่ในรูปแบบของโบชัวร์ วางไว้ในสาขาให้คนได้หยิบอ่านกันได้ง่ายขึ้น จากที่เมื่อก่อน ประกันจะมาให้รูปแบบของเอกสารรูปเล่ม เป็นต้น พร้อมสโลแกนคุ้นหูอย่าง ‘เรื่องเงิน เรื่องง่าย’ ที่โฆษณาออกสู่ตลาด
ซึ่งกรุงศรีได้ใช้สโลแกนนี้มาจนกระทั่งปี 2023 ที่เริ่มมีการต่อยอด ‘ความง่าย’ พร้อมสโลแกนและพันธกิจใหม่ที่อยากให้คนเข้าถึงเรื่องการเงินได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการทำ Brand Refresh ใหม่ ลบภาพแบรนด์ที่ถูกมองว่ามีอายุให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น และการทำแคมเปญสร้างการรับรู้และจดจำให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านภาพยนต์โฆษณาและสโลแกนใหม่ที่ปรับมาเป็น ‘ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน’
โดยเน้นการศึกษาพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์เพื่อทำการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ตรงจุดมากขึ้น อาทิ การเข้าไปมีส่วนร่วมในเทศกาลศิลปะ หรือ บูธในงานคอนเสิร์ต และการสร้างกิจกรรมอื่นๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบคอนเทนต์เรื่องเงินออกมาให้เข้าใจง่าย และเข้าถึงง่าย ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของคนรุ่นใหม่ ทำให้แบรนด์ได้ความมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการที่ลูกค้าเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์ในโลกโซเชียล
จากการสำรวจและเก็บข้อมูล ยังพบว่า การทำ Brand Refresh และวางกลยุทธ์ใหม่ของกรุงศรี สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-39 ปี ที่มีการรับรู้แบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 62% โดย 82% ของจำนวนลูกค้าใหม่นั้นเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในช่วงอายุ 15-35 ปี และกว่า 73% ของผู้บริโภคอายุ 18-22 ปี และ 67% ของผู้บริโภคที่อายุ 23 – 29 ปี สามารถจดจำสโลแกนใหม่ ‘กรุงศรี ชีวิตง่ายได้ทุกวัน’ ได้
ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของกรุงศรีหลังจากที่ลบภาพการเป็นแบรนด์ที่มีอายุออกจากภาพจำของคนได้แล้ว จะมีบริการหรือผลิตภัณฑ์อะไรที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Young Gen อีกบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อไป