นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ ธสน. ว่า มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2546 ขาดทุน 372 ล้านบาท สำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2546 ธสน. มีกำไรสุทธิรวม 451 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 188 ล้านบาท ในงวดเก้าเดือนแรกของปีก่อน
การเพิ่มขึ้นของผลกำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเป็นหลัก โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมและบริการ ในส่วนของค่าจัดการเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ก่อนกำหนด และการให้รับชำระคืนหนี้ที่ตัดจำหน่ายไปแล้ว เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการได้รับชำระหนี้ที่มีปัญหา สำหรับรายได้ดอกเบี้ยรบสุทธิในไตรมาส 3 ลดต่ำลงจากไตรมาส 2 ของปี 2546 ซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของ ธสน. เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาด ประกอบกับในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีดอกเบี้ยรับสุทธิสูงหว่าปกติเนื่องจากมีดอกเบี้ยรับจากการปรับโครงสร้างหนี้เป็นรายการพิเศษ
ในไตรมาส 3 ธสน.มีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเท่ากับ 116 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2546 และไตรมาส 3 ของปี 2545 ที่มีจำนวนเท่ากับ 129 ล้านบาท และ 139 ล้านบาทตามลำดับ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากจำนวน 241 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปี 2546 และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับจำนวน 661 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2545 เนื่องจากภาวพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และอัตรดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงช่วยลดภารพส่วนสูญเสียจากการปรับโครงสร้างหนี้ และจากหนี้ที่มีปัญหาเดิม
กรรมการผู้จัดการ ธสน. ชี้แจงเพิ่มเติมฐานะการเงินของ ธสน. ว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 ธสน. มีสินทรัพย์รวมจำนวน 47,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 301 จาก 46,023 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2545 สำหรับยอดเงนให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 มีจำนวน 41,136 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 41,338 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2545 และเพิ่มขึ้นจาก 40,611 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2546 สาเหตุสำคัญที่ทำให้การขยายสินเชื่อไม่สามารถเพิ่มสูงขึ้นมากเนื่องจากในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงมีการแข่งขันสูงในการให้สินเชื่อจากสภาพคล่องที่มีอยู่ในระบบมาก และแม้ ธสน. จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้นแต่ก็มีการสูญเสียสินเชื่อเก่าที่ย้ายไปใช้ธนาคารอื่นด้วยเช่นเดียวกับครึ่งแรกของปี ประกอบกับการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทมีผลกระทบ ทำให้ยอดสินเชื่อคิดเป็นเงินบาทลดลงจำนวนประมาณ 1,374 ล้านบาท เนื่องจากการแปลงค่าเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2545
ในส่วนของยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 เท่ากับ 4,771 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6 ของเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ เปรียบเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2545 และกันยายน 2545 เท่ากับ 4,838 ล้านบาท และ 5,074 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.7 และ 13.4 ตามลำดับ สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 เท่ากับร้อยละ 20.0
ในด้านการสนับสนุนนโยบายการค้าระหว่างประเทศของรัฐบาล ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2546 ผู้บริหารของ ธสน. ได้ร่วมเดินทางกับผู้แทนการค้าไทยไปประเทศลิทัวเนีย โรมาเนีย บัลแกเรีย และอิหร่าน ในการเจรจาหาลู่ทางในการทำโครงการ Account Trade กับประเทศดังกล่าว นอกจากนั้น ธสน. ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการดำเนินการหักบัญชีชำระหนี้ระหว่างกัน กรณีที่ประเทศรัสเซียค้างชำระหนี้ค่าข้าวไทย และจะชำระโดยการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ธสน. ได้รับประกาศนียบัตรภายใต้ระบบบริหารคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2000 ซึ่งเป็นหลักประกันได้ว่า ธสน. จะสามารถให้บริการธุรกิจต่างประเทศด้านบริการรับซื้อและเรียกเก็บเงินตามเอกสารส่งออก L/C และ B/C ให้แก่ผู้ส่งออกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น