นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน) นำกรรมการผู้จัดการและกรรมการจำนวนหนึ่งของ ธสน. เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย และชุมชนใหม่ ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างไทยประมูลงานได้บนเกาะฮูลูมาเล่ (Hulhumale) ประเทศมัลดีฟส์ โดยมี Mr.Mauroof General ของ Hulhumale Development Unit (HDU) หน่วยงานในสังกัดของรัฐบาลมัลดีฟส์ให้การต้อนรับและนำชมโครงการเมื่อเร็วๆ นี้
ประธานกรรมการ ธสน. เปิดเผยว่า ตามที่ ธสน. ได้ให้วงเงินิสนเชื่อระยะยามแก่รัฐบาลมัลดีฟส์มูลค่า 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อใช้ว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างไทยในการพัฒนโครงการชุมชนใหม่ที่เกาะฮูลูมาเล่ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่อรองรับจำนวนประชากรในเมืองมาเล่ (Male) เมืองหลวงของมัลดีฟส์ ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคตนั้น คณุกรรมการ ธสน. ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างของผู้รับเหมาไทยในส่วนแรกที่เป็นที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ในชุมชนใหม่ ซึ่งมีบริษัท ชิโนไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STECON) รับผิดชอบงานด้านอาคารมูลค่า 13.32 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย 250 ห้อง สำนักงานอาคารพาณิชย์และโรงเรียน กำหนดแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2546 และมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) รับผิดชอบงานโยธาด้านถนนและสาธารณูปโภคพื้นฐาน มูลค่า 8.16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อก่อสร้างถนนในพื้นที่โครงการ รวมทั้งถนนเชื่อมพื้นที่เกาะฮูลูมาเล่กับบริเวณสนามบินของมัลดีฟส์โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2547 ซึ่งจากการเยี่ยมชมโครงการก่อสร้างของผู้รับเหมาไทยดังกล่าว พบว่ามีความคืบหน้าไปด้วยดี คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบงานได้ตามแผนงานที่วางไว้
โครงการฮูลูมาเล่ แบ่งพื้นที่โครงการออกเป็น 3 ส่วนคือ 1) ส่วนที่พักอาศัย โรงงาน อาคารธุรกิจ โรงเรียน สุเหร่า และสาธารณูปโภคอื่นๆ พื้นที่รวม 1,219 ไร่ 2) อาคารสูงสำหรับที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์เพิ่มเติมจากส่วนแรก พื้นที่รวม 1,500 ไร่ และ 3) พื้นที่รองรับการขยายตัวของสนามบินขนาด 1,906 ไร่
ประธานกรรมการ ธสน. กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ ธสน. ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างที่พักอาศัย โรงงาน อาคารธุรกิจ และระบบสาธารณูปโภคบนเกาะฮูลูมาเล่ เนื่องจากเห็นว่าโครงการนี้มีประโยชน์ในการช่วยสร้างงาน และชื่อเสียงให้แก่ผู้รับเหมาไทย เพิ่มโอกาสในการรับงานก่อนสร้างของคนไทยในต่างประเทศมากขึ้นตลอดจนสนับสนุนการส่งออกสินค้าและบริการของไทย เช่น วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง แรงงาน และวิศวกรไทย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ อันจะนำมาซึ่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นที่น่าดีใจที่ผลงานของบริษัทไทยเป็นที่พอใจของรัฐบาลมัลดีฟส์ ทั้งที่งานก่อนสร้างต้องอาศัยการบริหารจัดการที่ยุ่งยาก โดยวัสดุก่อสร้างรวมทั้งซีเมนต์และหินต้องขนส่งมาจากต่างประเทศ คนงานก่อสร้างมาจากไทย และอินเดีย และวิศวกรที่ปรึกษาจากประเทศศรีลังกา ทำให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทในการทำงานในระดับสากลที่มีมาตรฐานสูง